วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568

: การเจาะฟ้าระบายฝุ่น : ไม่เคยเชื่อ และจะไม่เชื่อต่อไป




ไม่เคยเชื่อ และจะไม่เชื่อต่อไป

เพจกรมฝนหลวงทำแบนเนอร์โปรโมทการแก้ปัญหาฝุ่นละอองออกมา ปีนี้เขาเริ่มปฏิบัติการโปรยสารเจาะเพดานอากาศต่อ ในฐานะผู้รับผลกระทบที่ติดตามปัญหานี้มานานพอสมควร ขอบอกเลยว่า ไม่เชื่อในเทคนิคข้อที่ 3 โปรยน้ำแข็งแห้งเจาะช่องระบายฝุ่น

(ส่วน ข้อ 1.-2. ทั่วโลกเขาทำกัน มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ อันนี้เชื่อครับ)

เมื่อปีที่แล้วก็แสดงท่าทีไม่เชื่อแบบนี้ จนที่สุดวงวิชาการ อ.ว. เขาก็จัดวงประชุมเชิญตัวแทนกรมฝนหลวงไปอธิบาย ... นักวิชาการก็ทราบกันแล้วว่าที่มันก็ไม่เคลียร์ ไม่มีบทพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ยืนยันการวิจัย เขาก็เสนอไปว่า ให้วิจัยเพิ่ม โปรยสารแค่นี้เจาะฟ้าได้จริงไหม มันต้องใช้พลังงานมหาศาลนะ ... แต่ระบบราชการต่างกรมกองมันก็ทำได้แค่นี้ มีพรมแดนของมารยาท และอำนาจข้ามไปจัดการ คำทักท้วงทางวิชาการไม่ระคายอะไรว่างั้นเหอะ

การเจาะเพดานอากาศ โดยทำให้ชั้น Inversion มีอุณหภูมิเย็นลง เป็นทฤษฎี ส่วนภาคปฏิบัติจริงไม่เคยมีใครทำได้ ขนาด อเมริกา จีน โดยเฉพาะอินเดีย ยักษ์ใหญ่ของวงการดัดแปรสภาพอากาศ ทำฝนเทียมตั้งแต่ยุคแรกๆ เขายังทำไม่ได้เลย

แต่ประเทศประกาศว่าทำได้ เมื่อปี 2567 โดยอธิบดีกรมฝนหลวงในขณะนั้น ชื่อว่า สุพิศ พิทักษ์ธรรม ปัจจุบันลาออกชนะเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.สงขลา ที่คนไทยรู้จักหน้าค่าตากันดี คงถึงบางอ้อ ที่นั่ง ฮ.กรมฝนหลวงสีเขียว ไปแจกข้าวกล่องเอาทีมถ่ายวิดีโอตามไปด้วย เข้าใจได้..ลูกน้องเก่า

อดีตอธิบดีสุพิศ ไม่ได้โตมากับฝนหลวง โอนย้ายมาจากกรมชลประทาน ตอนที่จะขึ้นอธิบดีเมื่อปี 65 ครม.ลุง โดยพปชร.คัดค้านเพราะมีเรื่องร้องเรียนคาอยู่ แต่แกก็ผ่านมาได้ คอนเน็คชั่นระดับไหน

ปี 2566 ฤดูฝุุ่นปีนั้นหนักหนามาก กรมฝนหลวงพยายามบินทำฝน ตอนนั้นยังไม่มีเทคนิคเจาะเพดานฟ้า ปรากฏทำไม่ได้เพราะความชื้นไม่พอ

ปี 2567 นั่นล่ะ จู่ๆ กรมฝนหลวงก็มาแนวใหม่ ประกาศเทคนิคการเจาะเพดานอากาศสลายอินเวอร์ชั่น อธิบดีประกาศเอง มีเอกสารแถลงข่าวของกรมเป็นหลักฐานว่า สามารถสลายฝุ่นในพื้นที่ปฏิบัติการ 50%

ไอ้ 50% ตัวนี้แหละที่เป็นปัญหา เพราะข้าราชการกรมฝนหลวงเขาก็ทำวิจัยเล็กๆ พยายามหาวิธีแก้ฝุ่นมาก่อนราวๆ ปี 2562 ตอนที่วิกฤตนี้หนักๆ เป็นการทดสอบสลายอินเวอร์ชั่นกันเองภายในหน่วยงาน ไอ้ค่า 50%ทีไ่ด้มา มีปัญหาในแง่เทคนิคการวิจัยนะครับ วงวิชาการเขาชี้ประเด็นว่ายังต้องศึกษาเพิ่ม

แต่อธิบดีใจร้อนอยากได้ผลงานหรือไงไม่ทราบได้ หยิบเอามาเป็นปฏิบัติการจริง ชงให้ฝ่ายการเมืองเอามาใช้เป็นผลงาน ปี 67 ฝุ่นก็ท่วมหนักกลางเดือนมีนาคานั่นเลย พื้นที่ซึ่งกรมฝนหลวงบินโปรยสารนั่นแหละ

ต่อมาก็เอา 50% ไปยัดใส่มือรมว.เกษตร ให้แถลงข่าวอีก ไม่เกรงใจสถาบันที่ใช้นามฝนหลวงกันเสียเลย กรมๆ นี้มีที่มาอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับคนไทยนะอย่าลืม พึงระวังอย่าทำให้หมอง

การจะแก้บรรเทาผลกระทบมลพิษฝุ่นให้ผู้คนเรือนล้านบนพื้นดิน ต้องดึงเอาฝุ่นข้างล่างระดับจมูกคนให้ได้ ทำให้ค่าฝุ่นที่วัดโดยสถานีภาคพื้นดินมันลดลงจริงให้ได้ ถึงจะเรียกว่าได้ผลสำเร็จ บรรเทาวิกฤต ... ซึ่งผลประกอบการมันก็ชัดเจน ส่วนไอ้ที่ลดได้บรรเทาได้จับต้องได้จริงๆ ในปี 2568 ที่ผ่านมา น่ะมาจากปฏิบัติการการลดการเผา ดับไฟป่า ป้องปรามไฟบนพื้นราบต่างหาก

จึงเป็นที่น่าเสียดายงบประมาณเพื่อใช้สำหรับการบินเจาะฟ้าของกรมฝนหลวง ควรจะใช้อุดช่องเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยปฏิบัติพื้นราบที่เขายังขลาดแคลน จนบัดนี้โดรนสำหรับหน่วยปฏิบัติยังขาดอยู่มากมาย มีใช้แค่ 20% ไม่ถึงเลยมั้ง

ถ้าพรบ.อากาศสะอาดผ่านด่านส.ว. ประกาศใช้ได้ มีกรรมการวิชาการตามกฎหมาย คงจะตรวจสอบพิสูจน์ผลลัพธ์ของเทคนิคนี้ได้เป็นเรื่องเป็นราว เพราะมีกฎหมายรองรับ มันจะเหมือนกับการฉีดน้ำขึ้นฟ้าในยุคหนึ่งหรือไม่ ที่ต่อมาก็รู้กันว่าไม่ได้แก้อะไร เปลืองเงินเป็นสิบๆล้านของการนี้ ในแต่ละปี

ปีนี้ก็ชัดเจนว่า ฝ่ายการเมืองคือฝ่ายที่กุมนโยบายยังจะใช้มาตรการโปรยสารเจาะเพดานฟ้า ที่ไม่เคยประเมินผลปฏิบัติ ตั้งแต่ 2567-2568 ประกาศให้สาธารณะรับรู้ บินเช้าโปรยสาร พอตอนบ่ายค่าฝุ่นลดลงนิดหน่อย หยิบมาเป็นรายงานประจำวัน อ้าวเฮ้ย ค่าฝุ่นบ่ายที่ไหนๆ มันก็ลด ต่อให้เป็นพื้นที่ไม่ได้บินก็ลดเช่นกัน แล้วไหนเคลมว่า ลดได้ 50% ไง

การเคลมตัวเลข 50% ของกรมฝนหลวงที่ดำเนินต่อเนื่องมาแต่ยุคอดีตอธิบดี มาจากการวิจัยเล็กๆ ที่ไม่ยืนยันผลภายในหน่วยงาน แค่วัดปริมาณ aerosol เหนือก้อนเมฆหลังจากการโปรยสารเปรียบเทียบก่อนการโปรย ปรากฏ aerosol บนฟ้าแถวนั้นมันฟุ้งเพิ่มมากขึ้น 50% จริงๆ แต่ๆๆๆๆ ในการวิจัยเองก็บอกว่า ปริมาณ aerosol เหนือเมฆที่ไม่ได้โปรยสารก็เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยเช่นกัน วงวิชาการเขาสงสัยว่าเป็นเพราะเครื่องบินไปตีกวนให้ฟุ้งขึ้น และมันไม่เกี่ยวกับการเจาะแล้วดูดมลพิษจากพื้นดินแนวดิ่งระบายออกแต่อย่างใด

ไหนๆ ยังอยากจะบินต่อ สิ่งที่รัฐบาลนี้ควรทำตอนนี้ ควบคู่กันไปเลย คือ ตั้งคณะกรรมการศึกษาตรวจสอบประเมินผลเทคนิคการเจาะเพดานอากาศชั้น inversion ที่กรมฝนหลวงทำ เพื่อให้เกิดประสิทธิผลประสิทธิภาพ และไม่เปลืองเงินหลวงในอนาคต

อย่าลืมนะครับ ประเทศใหญ่ๆ ที่มีเทคโนโลยีดัดแปรสภาพอากาศก้าวหน้า ที่เขาประสบปัญหามลพิษฝุ่นอย่างอินเดีย จีน เขาก็หาวิธีแก้ ยังไม่มีชาติมหาอำนาจเทคโนโลยีที่ว่า รวมถึงสหรัฐอเมริกา ต้นกำเนิดฝนเทียมใช้เทคนิควิธีนี้เลย

มีแต่ไทย ภายใต้การนำของอดีตอธิบดีคนนี้แหละที่ก้าวนำชาวโลก แถมประกาศออกสื่อสามารถลดฝุ่นได้ 50%

วิกฤตฝุ่นปี 2569 ยังมีหลายหน่วยที่จำเป็นต้องเพิ่มงบ เพิ่มคน ปฏิบัติการภาคพื้นปีหน้ายังไม่ได้งบก็มีนะครับ ขั้นตอนการจัดทัพเผชิญวิกฤตยังไม่พร้อม ขอรัฐบาลสนใจหน่อย ให้น้ำหนักกับสิ่งที่จะแก้ต้นเหตุได้จริง





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น