ผมดู sequence ของแผนที่อากาศทั้งหมดที่คุณส่งมาแล้ว (19–26 พฤศจิกายน 2025) — และบอกได้เลยว่า นี่เป็นหนึ่งในเคส “การจัดเรียงแนวความกดต่ำ + ลมมรสุม + โครงสร้างไอโซบาร์” ที่ผิดปกติที่สุด สำหรับภูมิภาคไทย–มาเลเซีย–สุมาตรา
ผมจะสรุปเป็น “ภาพใหญ่” พร้อมชี้ประเด็นที่น่าสังเกตจากแผนที่ทีละส่วน
⭐ สรุปที่เห็นชัดจากแผนที่ทั้งหมด
ช่วง 19–26 พฤศจิกายน เราเห็น 3 ปรากฏการณ์หลัก:
1) มวลอากาศเย็นไซบีเรีย (H 1030–1046 hPa) แผ่ออกแรงมากผิดปกติ
-
ความกดอากาศสูงแผ่ลงมาลึกจนถึง เวียดนาม–กัมพูชา–ลาว–ไทยตอนล่าง
-
ไอโซบาร์ข้นแน่นมาก → แปลว่า แรงลม NE Monsoon Surge แรงมากกว่าปกติหลายเท่า
-
นี่คือชนวนแรกที่ทำให้ลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดแรงลงสู่คาบสมุทรไทยและช่องแคบมะละกา
ปกติแรงลม NE จะอ่อนและอยู่สูงกว่านี้ ไม่ลงลึกแบบนี้
2) มีแนวความกดต่ำยาวตั้งแต่อ่าวเบงกอล–อันดามัน–คาบสมุทรไทย–ช่องแคบมะละกา–สุมาตรา
นี่คือแกนสำคัญที่ ผิดธรรมชาติอย่างมาก
จากแผนที่วันที่ 20–25 พ.ย. จะเห็นเส้น isobar 1008–1010 hPa วาดตัวเป็นเส้นยาวต่อเนื่องกัน:
ปกติแล้ว:
-
แนวร่องมรสุมจะอยู่ ทางอินเดีย-อ่าวเบงกอล หรือ
-
อยู่สูงขึ้นไปช่วงก.ค.–ส.ค.
-
ไม่เคยยาวลงมา “แนวดิ่ง” มาชนทะเลอันดามัน–คาบสมุทรไทย–สุมาตรา ในเดือนพฤศจิกายน
แต่ปีนี้:
เกิด low-line ยาวมาก = monsoon trough แบบกึ่งศูนย์สูตร
ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของการกำเนิดไซโคลน
3) ความกดต่ำหลายก้อน “เรียงตัว” อยู่แถวสุมาตรา → ทำให้เกิด Super-Convergence Zone
วันที่ 19, 20, 21 พ.ย. เราเห็น L อยู่ที่:
-
ช่องแคบซุนดา
-
ช่องแคบมะละกา
-
ใกล้สุมาตราเหนือ
-
ใกล้สุมาตรากลาง
-
ใกล้เกาะสุมาบวะ
นี่ไม่ปกติเลย
เพราะปกติการมี L หลายก้อนใกล้ศูนย์สูตร ต้องมีกลไกกระตุ้น เช่น:
-
MJO Active
-
Equatorial Rossby Wave
-
Kelvin Wave
-
ลมมรสุมชนกันแรงมากเกิด frictional convergence
เหมือนการมีพายุลูกเล็ก ๆ รอ evolution
นี่แหละคือ “seed vortex field” ที่ทำให้ Senyar แม้ใกล้ศูนย์สูตรยังเกิดได้
⭐ ประเด็นที่แผนที่บอก “ชัดมาก” ว่าทำไมเกิดฝนแช่-ถล่มหาดใหญ่
1) ลม NE monsoon surge พุ่งเข้าคาบสมุทรไทยอย่างแรง
ไอโซบาร์ 1010–1018 ชันและเบียดแน่นลงถึงคาบสมุทรไทย
สิ่งที่เกิด:
-
ลมแรงจากอ่าวไทยพุ่งข้ามพัทลุง–สงขลา
-
อุ้มไอน้ำจำนวนมาก
-
ปะทะกับอากาศชื้นจากฝั่งอันดามัน via cross-equatorial flow
= เกิดตัว ป้อนความชื้นแบบ 2 ทาง
2) เขต L อยู่ด้านใต้หาดใหญ่ (ในช่องแคบมะละกา)
ทำให้ลมมวลใหญ่ “ถูกดึงลงด้านล่าง”
→ เกิด convergence zone อยู่ตรงบนหัวพอดี
3) ลักษณะไอโซบาร์โค้งเข้าหากันทั้งสองฝั่งของคาบสมุทรไทย
นี่คือ signature ของ “meso-convergence region”
4) ทั้งหมดนี้ลากยาวหลายวัน → ฝนไม่หยุด (ฝนแช่)
⭐ ประเด็นที่ “แตกต่างจากปกติอย่างชัดเจน”
🔸 (A) แนวร่องความกดต่ำที่ยาวมาก “ไม่ใช่ร่องมรสุมแบบปกติ”
ร่องปกติ:
-
มักเป็นเส้นโค้ง
-
อยู่ระดับละติจูด 10–20°N
ร่องครั้งนี้:
-
วิ่งแนวตะวันตก-ตะวันออกยาว
-
อยู่ต่ำมาก 3–8°N
-
เป็นลักษณะ “equatorial trough + monsoon trough + surge line” ผสมกัน
จึงทำให้เกิดพายุได้ใกล้เส้นศูนย์สูตร
🔸 (B) ไอโซบาร์ของ H 1038–1046 ชิดกันผิดปกติ
ตรงจีน–เวียดนาม–ลาว
ทำให้ NE surge แรงมาก → เป็นตัวจุดประกาย
🔸 (C) ความกดต่ำในช่องแคบมะละกาเรียงกันหลายก้อนหลายวัน
อันนี้เป็น signature ของ “cyclone genesis zone”
ซึ่งปกติจะไปเกิดใน:
-
เบงกอล
-
เวสต์แปซิฟิก
-
ไม่ใช่ช่องแคบมะละกา!
🔸 (D) การจัดการของลมเหมือนกำลัง “หนี” ออกจาก high จากจีน และ “ถูกดูด” โดย deep L ใกล้อินโดนีเซีย
ทำให้เกิด super-long fetch ของลม
→ ขน moisture ยาวข้ามอ่าวไทย–แหลมมลายูแบบต่อเนื่องหลายวัน
⭐ ทำไมสุดท้าย “ก่อตัวเป็นไซโคลน Senyar” ได้?
เพราะมีเงื่อนไขครบทุกข้อที่ปกติไม่มีในศูนย์สูตร:
✔ NE Surge แรงมาก → convergence เผาไหม้
✔ Cross-equatorial flow ชัด → Supply ความชื้น
✔ Low หลายก้อน → มี seed vortex
✔ SST อุ่น
✔ Wind shear ต่ำ
✔ MJO ช่วง active
✔ แนวร่องต่ำทอดยาว → ให้สภาพหมุน-สะสมพลังงาน
= Rare recipe ที่ทำให้ไซโคลนเกิดในช่องแคบมะละกา
⭐ บทสรุปแบบสั้น
✔ ปกติแนวความกดต่ำ “ไม่ควร” ยาวแบบนี้
✔ ปกติความกดอากาศสูงไซบีเรีย “ไม่ควร” ลงลึกขนาดนี้
✔ ปกติลมใต้ “ไม่ควร” พัดขึ้นมาจนเกิด cross-equatorial convergence รุนแรงแบบนี้
✔ ปกติศูนย์สูตร “ไม่ควร” เกิด vortex ด้วยซ้ำ
✔ แต่ปีนี้ทั้งหมดมาตรงกัน → เกิดฝนแช่–ถล่ม → เกิด Senyar
นี่คือเหตุการณ์ “once-in-several-decades” แน่นอน








ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น