.png)
นักเขียนที่มีอิทธิพลต่อข้าพเจ้าเกล้ากระผมมากสุดในวัยเยาว์ คงจะเป็นยาขอบ เพราะเริ่มโตมาชั้นประถมต้นพออ่านหนังสือออก ก็ไปคว้าสามก๊กฉบับวนิพกในตู้หนังสือพ่อมาอ่าน แรกสุดอ่านเฉพาะตอนขงเบ้ง ที่จริงเราน่ะถูกพ่อ convince ให้สนใจสามก๊กแบบเนียนๆ เลิกเรียนพาแวะไปดูรูปปั้นกวนอูที่ศาลเจ้า เล่าโน่นนี่เกี่ยวกับขงเบ้ง ...
เด็กเล็กกับหนังสือเล่มใหญ่ไม่ถูกกันหรอก แต่พออ่านไปๆ ก็ลามไปครบทั้ง2เล่ม หลายรอบด้วย ไปๆ มาๆ ชอบจูล่งแห่งเสียงสานมากกว่าขงเบ้ง นี่แหละอิทธิพลของการเขียนพรรณนา
ไม่ทัน ป. 5 เลย น่าจะราวๆ ป.4 แม่เอาผู้ชนะสิบทิศมาอ่านที่บ้าน ไอ้เราก็อ่านด้วย จนติดงอมแงมอ่านจบรอบแรกแล้ว ยังสามารถอ่านได้อีกเรื่อยๆ
เด็กประถมที่อยู่กับยาขอบ เล่มใหญ่ๆ ต่อเนื่องนี่มีผลมากนะครับ ศัพท์คำว่าปลูกฝังนี่ มันฝังจริงๆ นะ
ชอบจะเด็ด จนเป็นจิตวิทยากล่อมตัวเองว่ากูจะเด็ด แหะ เล่าความลับก็ได้ เคยแอบคิดว่าเราควรจะมีแฟนเพิ่มได้อีกสักหลายคน แค่พยายามขอตะล่อมเจรจากับตะละแม่จันทราเป็นพอ (ซึ่งก็ไม่สำเร็จนะครับ แค่ตะละแม่กุสุมาจอดมอเตอร์ไซต์หน้าชมรม เห็นไอ้เรานั่งคู่กับตะแม่จันทรา นางก็สะบัดหน้าหายไปนับบัดนั้น)
จะเด็ดเทิดตะละแม่ไว้เหนือความใคร่ คือถ้ายังไม่แต่งจะไม่ละเมิดถึงขั้นนั้น รักแค่โลม ในระหว่างเส้นทางความรักเจอะเจอผู้หญิงมากมาย จะเด็ดไม่รุกล้ำไปถึงเส้นสุดท้าย ไม่ว่าจะนางใด คือแบบแผนความคิดว่าด้วยเซ็กส์ของคนโบราณเขาเคร่งกันแบบนี้ ตอนวัยรุ่นผมก็พยายามเคร่งเหมือนจะเด็ด มาย้อนนึกดูตอนอายุเท่านี้ ย้อนเวลาได้กูไม่น่าเคร่งตามจะเด็ดเลย ใครช่วยผลิตไทม์แมชชีนมาที จะซื้อคนแรก !
ยาขอบในชีวิตจริงยิ่งสนุกเร้าใจกว่า ที่เพลงเขาร้องปิศาจสุราน่ะของจริงที่สุด โชติ แพร่พันธุ์ เป็นนักเขียนเมรัยที่โลดโผนที่สุด หาเงินเป็นเบี้ย ใช้เงินยิ่งเป็นเบี้ยเสียกว่าบนคติสุขนิยม และก็ตายเพราะความดื้อที่จะสุขสำราญจนกว่าชีวิตจะหาไม่
โชติ แพร่พันธุ์ เป็นหลานชายของ เจ้าหลวงเมืองแพร่ เจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้ายที่ถูกข้อหากบฎ เมืองแพร่จึงไม่มีนามสกุล ณ แพร่ อยู่จังหวัดเดียว หลังจากเกิดเหตุกบฎเงี้ยวแล้ว กรุงเทพฯก็นำตัวบุตรชายเจ้าหลวงคือ คือเจ้าอินทร์แปง เทพวงศ์ ลงมา เจ้าอินทร์แปงได้เมียต้นห้องกรมดำรงฯ เกิดเป็นนายโชติ แพร่พันธุ์ ไม่ใช้นามสกุลเทพวงศ์ของพ่อ คือ แม่ไม่อยากให้เข้าไปเกี่ยวกับสายตระกูลเจ้าหลวงทางเหนือเลย
เด็กชายโชติ ซึ่งมีเลือดเจ้าหลวงทางเหนือจึงโตมาแบบเด็กกรุงเทพฯ ชั้นไพร่ ศึกษาเล่าเรียนปากกัดเอาตีนถีบดันตัวเองขึ้นมา จนเข้าสู่วงการนักเขียน นักหนังสือพิมพ์ ยุคโน้นมีระบบโรงพิมพ์ นักเขียนกับนักข่าวปนๆ กัน สามารถทำทั้ง fiction / non fiction
ผู้ชนะสิบทิศ เป็นงานชิ้นเอกที่จั่วหัวว่านำมาจากพงศาวดาร 8 บรรทัด ที่จริงแล้วยาขอบทำงานหนักมาก ในการประกอบสร้างโลกจินตนาการล้อไปกับประวัติศาสตร์จริงของบุเรงนอง ชื่อแต่ละชื่อ กุโสดอ สอพินยา สามพี่น้องไทใหญ่ เชงสอบู สอพินยา ตองหวุ่นญี ตะคะญี ฯลฯ ที่หยิบยืมมาล้วนมีที่มาที่ไป ผู้ชนะสิบทิศเป็นงานประณีตแต่ก็มีที่แกว่งในยุคหลัง อ่านประวัติอ๋อในช่วงท้ายๆ ของชีวิตยาขอบเริ่มป่วย ให้น้องชายมาเขียนแทนก็มี ในตอนหลังๆ เลยไม่ค่อยสนุกเร้าใจ ที่จริงจบแค่บุเรงนองขึ้นครองราชย์แทนมังตรา สวยกว่า
ยาขอบใช้ชีวิตเปลือง อายุสั้น แต่ก็เร้าใจสุดในเส้นทางสุขนิยม/เมรัยนิยมที่ตนเลือก ยาขอบตาย 15 พฤษภาคม 2499 ก็เดือนนี้แหละ //
วันนี้วันนักเขียน รู้สึกคิดถึงยาขอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น