.png)
การจัดลำดับโดยใช้รอยไหม้ดาวเทียม (burned scars) เทียบกับขนาดพื้นที่จังหวัด ระยะ 4 เดือน(ม.ค.-เม.ย.) ปีนี้
ลำดับหนึ่ง - เชียงราย
ตามคาด ไม่ได้พลิกโผแต่อย่างใด ทั้งนีั้เชียงรายไม่ได้ปลอดจุดความร้อน มีการเผาสม่ำเสมอเช่นเดียวกันแต่ควบคุมได้ มีขนาดสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับขนาดพื้นที่จังหวัด
ลำดับสอง - พะเยา
เมืองกว๊านมาที่สอง (นี่ก็ตามคาด) เพราะเชียงรายและพะเยา เป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนของพื้นที่ป่าไม้น้อยที่สุดในภาคเหนือตอนบน ทำให้ขนาดของปัญหาเบาบางกว่าจังหวัดอื่นอย่างชัดเจนมาโดยตลอด
ลำดับสาม - น่าน
น่านมาแรงมากในปีนี้ เพราะเมื่อปีที่แล้ว 2566 รอยเผาไหม้ 5 เดือนมากถึง 7 แสนกว่าไร่ ส่วนปีนี้ 2 แสนไร่เท่านั้น (4เดือน) ทำให้ขยับลำดับขึ้นมาเป็นที่สาม และเป็นจังหวัดแรกในกลุ่มแอ่งภูเขาที่มีขนาดพื้นที่ป่ามากเกิน60%
น่านเคยเป็นแชมป์ไหม้ของป่าอนุรักษ์สูงสุดในประเทศ คือป่าศรีน่าน ในปีนี้ไฟในป่าน่านใต้เดือนเมษายนน้อยลงมากอย่างชัดเจน เพราะมีกลยุทธ์พยายามเข้าถึงชุมชนพื้นที่เสี่ยง
ลำดับสี่ - ลำพูน
ลำพูนเคยขึ้นเป็นแชมป์บ๊วยและรองบ๊วยมาแล้ว เพราะแม้จังหวัดเล็ก แต่ก็ไหม้มากในป่าแม่ปิง ปีนี้ผวจ. ลงพื้นที่ไปมีข้อตกลงกับชาวบ้าน อปท.ประกอบกับ นยบ.รัฐบาล ให้ป่าแม่ปิงเป็นพื้นที่เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ มีปฏิบัติการเข้มงวดขึ้น ทำให้การไหม้ที่ปกติจะเริ่มในปลายมกราคมและสูงสุดเดือนกุมภาพันธ์ กลายเป็นศูนย์ แม้จะยังมีเด็กดื้อในช่วงกลางมีนาคม และการเผาข้ามเขตมาไหม้ไปเป็นระดับหมื่นๆไร่ แต่ด้วยที่เดิมเคยไหม้ใหญ่กว่านั้นคือ 2 แสนอัพ ทำให้ปีนี้ ตัวเลขออกมาสวย
ฉุดดัชนีภาพรวมของลำพูนขึ้นที่ 4
ลำดับห้า - เชียงใหม่
แรกทีเดียวที่มีเฉพาะสถิติจุดความร้อน (hot spot) เชียงใหม่นั้นทำลายของเดิมปี 2566 ไปแล้ว ตามมาด้วยแม่ฮ่องสอน แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเอารอยไหม้ (burned) มาเทียบ ปรากฏว่า รอยไหม้ของเชียงใหม่มีน้อยกว่าจังหวัดบิ๊กโฟร์ (มส/ตาก/ลำปาง/ชม) อย่างชัดเจน เพราะมีแค่ 5 แสนกว่าไร่เท่านั้น
รอยไหม้ กับ จุดความร้อน เป็น KPI ที่ไม่สัมพันธ์กัน และมีปัญหาเช่นนี้มาก่อนแล้ว เช่นในปี 2563 เชียงใหม่มีจุดความร้อน 2 หมื่นกว่า ลำปางมีเพียง 7 พันกว่าจุด แต่รอยไหม้เท่าๆ กันคือราว 1.3 ล้านไร่ ดังนั้น การจะใช้แค่ลำพังจุดความร้อน ไม่เหมาะจะเป็นดัชนีชี้วัดที่ให้ภาพที่แท้จริง ต้องใช้ดัชนีอื่นๆ โดยเฉพาะรอยไหม้ และ การสำรวจพื้นที่จริงจะใกล้เคียงข้อเท็จจริงกว่า
การที่เชียงใหม่มีรอยไหม้เหลือแค่ 5 แสนกว่าจากที่เคยเกินล้านไร่ มีหลายสาเหตุ หนึ่งคือฤดูล่ามกราคม/กุมภาพันธ์ป่ายังชื้น สองคือปฏิบัติการดับไฟเชิงรุกที่ชัดเจนจับต้องได้ ดับแล้ว แม้จะมีจุดความร้อนใหม่ขึ้นแต่การไหม้ลามข้ามพื้นที่ข้ามวันก็น้อยลง
ลำดับหก - อุตรดิตถ์
จังหวัดนี้มีพื้นที่ป่ามากกว่าเชียงราย-พะเยา และมีผลต่อจังหวัดใกล้เคียงตอนบน คือ แพร่ น่าน ลำปาง เพราะเป็นต้นลม ช่วงต้นฤดูพัดขึ้นบนไปแพร่ งาว ช่วงปลายฤดูพัดเฉียงขึ้นไปทางเวียงสา น่านใต้
อุตรดิตถ์ไหม้มากเป็นประจำในเขตป่ารอบๆ เขื่อนสิริกิตต์และต่อเขตป่าน่านใต้ เป็นพื้นที่ไฟใหญ่
ลำดับเจ็ด- ตาก
ตากเป็นบิ๊กโฟร์ที่ยากลำบากในการจัดการ เพราะสัดส่วนป่ามากถึง 70% และขนาดพื้นที่ใหญ่ กันดาร ปีนี้กดลงต่ำกว่าล้านไร่ เป็นอานิสงส์ภาพรวมทั้งภาคที่ไฟลดลงจากปีกลายเหมือนๆ กัน
ไฟตากมากในช่วงมีนาคม จบสงกรานต์ยังขึ้นใหม่อีก
ลำดับแปด - แพร่
แพร่ ไม่มีอะไรแย่ลง เพราะปีกลายก็ไหม้ที่ระดับ 3 แสนไร่ แต่จังหวัดอื่นทำได้ดีกว่าปีกลาย จังหวัดอื่นกระเตื้องขึ้น แพร่เท่าเดิม ลำดับจึงหล่นลง
จุดที่ต้องพิจารณาของจังหวัดแพร่คือสัดส่วนการไหม้ในป่าสงวน มากกว่าป่าอนุรักษ์ และพื้นที่ดังกล่าวส่วนใหญ่ไม่มีเจ้าภาพดูแลจัดการเพราะเป็นรอยต่อการถ่ายโอนภารกิจระหว่างกรมป่าไม้กับอปท. ในพื้นที่
ลำดับเก้า - แม่ฮ่องสอน
แม่ฮ่องสอนเป็นแชมป์และรองแชมป์ไหม้ทุกปี เพราะภูมิศาสตร์เป็นป่าเขา มีสัดส่วนป่ามากกว่าทุกจังหวัดในประเทศนี้คือ มากกว่า 85%
ปีนี้แม่ฮ่องสอนทำสถิติใหม่รอยไหม้ต่ำกว่าล้านไร่ คือนอกจากปีลานีญ่า(65)แล้ว ส่วนใหญ่ก็ล้านไร่ขึ้น
แสดงว่ามีปฏิบัติการเข้มข้นขึ้น ที่เห็นชัดเจนคือปฏิบัติการเชิงรุกที่ป่าสาละวิน ทำให้สถิติของป่าแห่งนั้นดีขึ้นชัดเจน ที่ยังเป็นจุดอ่อนคือป่าตอนบนที่เมืองปายและปางมะผ้า ซึ่งมีข่าวจับกุมนายพราน และความขัดแย้งในพื้นที่ ป่าตอนบนไหม้หนักมากตั้งแต่มกราคมยันสงกรานต์
ลำดับสิบ - ลำปาง
ลำปางมีสัดส่วนป่า 70% เป็นบิ๊กโฟร์ที่มีปัญหาไฟมากสุดของประเทศ ปีนี้ มีไฟมากตอนบน ทางงาว แม่เมาะ รอยต่อแพร่ เขตป่าสงวนไม่มีคนดับลามข้ามหลายวัน
ปีนี้ ลำปาง ถูกแม่ฮ่องสอน เฉือนคะแนนแค่ทศนิยม ทำให้หล่นมาลำดับท้ายสุด
------
ป.ล. การใช้รอยเผาไหม้เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่จะเปรียบเทียบวัดขนาดของปัญหา นอกเหนือจากการใช้จุดความร้อนและระดับผลกระทบความเข้มฝุ่นควัน ซึ่งแต่ละวิธีมีจุดเด่นและจุดอ่อนต่างกันไป
ทั้งนี้ทั้งนั้นการวัดผลแบบนี้ยังไม่ได้สะท้อนการบริหารจัดการที่มุ่งระวังผลกระทบทางสุขภาพต่อประชาชนที่ละเอียดขึ้น เช่น เอาขนาดของไฟและทิศทางลมพัดสู่ชุมชน หรือ พัดออกไม่เป็นอันตราย มาพิจารณาประกอบ... แต่ก็ยังดีกว่าเอาจุดความร้อนมาเทียบกัน ซึ่งไม่ให้ภาพอะไร การใช้รอยไหม้ต่อพื้นที่สามารถให้ภาพรวมของพื้นที่เกิดไฟในจังหวัดช่วงวิกฤตในระดับหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น