วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

วิวาทะ




กลุ่ม Blue Sky Chiang Mai ชัดเจนดีครับ แสดงจุดยืนห้ามเผาในป่าเด็ดขาด และชี้เป้าตรงๆเลยว่า ไม่เอาทั้งชิงเผาภาครัฐ และ การอนุญาตเผาในป่า จุดยืนนี้ควรได้รับความเคารพ เพราะในสังคมกว้างใหญ่มี interest groups มากมาย มีกลุ่มคนในเมืองที่ได้รับผลกระทบ มีกลุ่มผู้ได้ประโยชน์จากการใช้ไฟ มีกลุ่มผู้ผลิตที่ปล่อยมลพิษใหญ่ มีเกษตรกร มีราชการที่ต้องเคร่งครัด KPI ฯลฯ


ผมคิดอยู่หลายวันแล้วล่ะ ว่าจากนี้สังคมไทยจะเข้าสู่วิวาทะครั้งใหญ่ ว่าด้วย “วิธีการ” แก้ปัญหา ผมเพิ่งเสนอความคิดนี้ในวงประชุมคณะกรรมการกำกับทิศปัญหาฝุ่นควันของ สสส. เมื่อเดือนก่อน โดยชี้ว่า ทางออกคือ ข้อมูลข้อเท็จจริงวิชาการ และ ธรรมาภิบาลของระบบ

ที่ยังมีจุดยืนที่แตกต่างที่น่าสนใจอีก เช่น บ.ก.ลายจุด อาสาดับไฟ ที่ไม่เอาชิงเผา ต่างจากฝ่ายบริหารไฟ ซึ่งเอาเข้าจริง ปฏิบัติการในสมรภูมิปีนี้ก็มีปัญหามากมายจากการชิงเผา ทั้งระบบที่เชียงใหม่ และการชิงเผาโดยไม่ประกาศในจังหวัดอื่น ผมเองก็เขียนถึงปัญหาระบบที่ไม่เป็นระบบ ถ้าทำกันงุบงิบไม่เอาหลักอะไรสักหลัก ใครจะเชื่อศรัทธา
มันก็นำมาสู่วิวาทะที่เห็น

ซึ่งผมว่าดีนะครับ ปัญหาวิกฤตนี้มันผ่านคลื่นลูกแรกคือการตระหนักภัยมาแล้ว สังคมเห็นพ้องว่าต้องแก้ แต่จะแก้อย่างไรนี่สิ ?

ซึ่งที่เห็น บางทีข้อเสนอบางชุดก็ฟุ้งๆ สวยๆ เอ๊ะแล้วจะ practically มั้ย ?

ข้อเสนอที่ว่าเอาไปสวมกับปัญหาจริงเช่นพื้นที่ไฟใหญ่เรื้อรัง ป่าออบหลวง และ สามเหลี่ยมไฟน้ำแจ่ม (แม่แจ่ม จอมทอง ฮอด) ได้มั้ย !!?

สำหรับผมนะครับ ห้าม 100% ยังไม่ได้ เช่น กรณี ป่าสาละวินที่เจอะไฟกะเรนนีเป็นแสนไร่ลามลงทุกปี หน้าไฟยาว 10 กม บนสันเขา จะเข้าไปทำแนวที่สันเขาพรมแดนก็ไม่ได้ ทหารห้าม มีกับระเบิดเยอะ แล้วจะให้ทำไง ปีนี้ หน.แต้ อาคม ใช้ไฟชนครับ ไหม้ร่วมๆ หมื่นไร่ ฝั่งเราไปชน เอาอยู่ เป็นปฏิบัติการที่ใหญ่มาก แต่จำเป็นต้องใช้ไฟเผาป่าของเรา

แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยกับการเผาเปรอะ แบบให้ใบอนุญาตเผา มีรู มีลอด ล่อกันข้ามคืน ไฟจำเป็นคืออะไรไม่รู้ ถ้าจะนิยามไฟจำเป็นจริงๆ สำหรับผม ไม่มากหรอก เกษตรบางจุด ป่านิดเดียวที่มันต้องใช้ ไม่ใช่อ้างดะว่าเผาก่อนมันเสี่ยง เก๊าะเลยเสี่ยงกันระดับแสนไร่ เติมอีกหน่อยรัฐเองก็มีมือชิงเผาพิสดารไม่บอกกล่าวสังคมนะ นี่ก็ไม่ถูก

จากนี้ผู้เกี่ยวข้องในสังคมจะชัดเจนขึ้นในแต่ละ interest groups และ positioning แนวคิดจุดยืน มันแตกต่างขัดแย้งกันแน่นอนปฏิกริยาของ anti-thesis คือ วิวาทะ ข้อถกเถียง แลกเปลี่ยน

ส่วนภาครัฐก็เริ่มได้แล้วครับ ช่วยรีบถอดบทเรียนปีนี้จริงๆ จังๆ เพื่อออกแบบแผนมาตรการแบบปฏิบัติการโดยใช้ ปัญหาเชิงพื้นที่เป็นตัวตั้ง เช่น ปัญหาป่าแม่สรวย เชียงราย ปัญหาป่าออบหลวงเชียงใหม่ ปัญหาป่าสงวนงาวและรอยต่อจังหวัดแพร่ ของลำปางที่ไหม้เละตั้งแต่ต้นฤดู ปัญหาป่าน่านใต้ ผลจากการถอดบทเรียนต้องนำมาสู่การยกระดับปฏิบัติการเชิงพื้นที่ให้ได้

ไอ้ที่ถกเถียงก็เดินไป แต่ปฏิบัติการจริง จะช่วยคลี่คลายวิวาทะได้เยอะ ..ผมคิดว่านะครับ เพราะเงื่อนไขของบริบทพื้นที่ อย่างสาละวินที่ยกมาจะให้คำตอบได้

บางป่าน่ะเผาทุกปีซ้ำๆ วิธีคิดแบบชิงเผาชี้ว่า นี่ไงมันเสี่ยงต้องรีบชิงเผา ส่วนวิธีคิดฝ่ายไม่เอาอาจจะชี้ว่า มันขาดดุลกำลังเชิงป้องกัน ต้องเติมอะไรลงไปแทนชิงเผา เรียนรู้หาคำตอบที่เหมาะสมจากออกแบบแผนปฏิบัติการจริงไปพร้อมกัน ก็เป็น approach หนึ่ง 


ปล / เอาเอกสารที่เสนอที่ประชุม สสส เดือนก่อนมาแปะด้วย มีวิวาทะได้ ก็มีทางออกได้ครับ ในที่ประชุมจำได้ว่าผมพูดถึงเครือข่ายสภาลมหายใจมันใหญ่ หลากหลาย มันก็ควรให้ชัดเจนว่า นี่เป็น interest group ไหน เพื่ออะไร มันต้อง positioning ตัวเองให้ชัดในสถานการณ์ใหม่ เราผ่านโจทย์ปลุกกระแสรณรงค์กดดันมาแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น