เชียงใหม่ริเริ่มใช้ระบบการบริหารจัดการไฟมา 4 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยผู้ว่าฯเจริญฤทธิ์ ล่าสุดปีนี้ก็ใช้ ฐานความคิดเรื่องนี้ดี คือ มีการจำแนกไฟจำเป็นออกมา ให้เผาได้โดยดูผลกระทบ
คือถ้าระบบมันเดินสมบูรณ์ตามแนวคิด ป่านนี้เราจะมีฐานข้อมูลแปลงเกษตรที่ยังจำเป็นต้องใช้ไฟวางแบให้กระทรวงเกษตรเลือกจิ้มไปยกระดับการผลิต ใส่วิธีการต่างๆ เพื่อไม่ต้องเผา นี่เป็นเครื่ืองมือทางสังคมให้ผู้คนอยู่ร่วมกันได้ในท่ามกลางวิกฤต เพราะเคยมีกรณีห้ามเผาเด็ดขาดชาวบ้านทำไร่ไม่ทัน ไม่มีข้าวกินในปีนั้น
การจะสถาปนาระบบใหม่ขึ้นมาให้สังคมยอมรับ ให้เป็นระบบแทนของเดิมโดยเอกฉันท์มันยาก
ซึ่งมันก็ยากจริงๆ จนมาถึงปีล่าสุด แทนที่จะก้าวไปข้างหน้ากลับไปอีกทิศ
ดร.ชาคริต พัฒนาระบบมาพร้อมกับเงื่อนไขการบริหารควบคุมผลกระทบจากการเผา ให้ย่อยแปลง และให้ดับจบในวันนั้น อย่าให้ข้ามคืน ผลกระทบควันสูง
แต่คนเอาไปปฎิบัติส่วนใหญ่ไม่ได้เอาเงื่อนไขนี้ไปด้วย แปลงชิงเผาจึงเผากันใหญ่ๆ ข้ามคืน เดือนมกราคมสองปีนั้น สีส้มแสบมาถึงเวียงเชียงใหม่ ผมเคยโวยถามไปยังแปลงชิงเผาลามข้ามคืน เขาตอบว่า นี่คือชิงเผานะ คือเขาเองก็ไม่รู้ว่าระบบห้ามข้ามคืน
ผมน่ะอยากเห็นระบบนี้สำเร็จ เพราะหากทำได้สมบูรณ์ สังคมจะช่วยจำแนกแยกแยะไฟจำเป็นจริงๆ มีเหตุผลหนุนหลัง แยกจากไฟอยากเผาสวมรอยมาได้ ก็แค่เปิดข้อมูลจากระบบให้สาธารณะรู้ล่วงหน้า ว่า เขาจะเผากันที่ไหน ใครเผา เพราะอะไร อ้อ ไอ้นี่ไฟสวมรอย
ปี 2565 ผมขอข้อมูลตารางการจะเผาของระบบจาก ผ.อ. สมคิด มานำเสนอในเพจสถานีฝุ่น ทำได้ไม่กี่วันระงับการชิงเผา พอปีกลาย ก็พยายามขอใหม่ แต่การเปิดเผยข้อมูลอะไรแบบนี้ ราชการไม่เคยชินหรือไง มาปีนี้ 2567 โอเค ดีขึ้นมีการเปิดข้อมูลการขอออนไลน์ผ่านกลุ่มไลน์จังหวัด สำหรับคนสนใจเอาไปเผยแพร่ แต่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของจังหวัดเอง ไม่นำเสนอ แปลกมั้ย ? จังหวัดไม่สื่ื่อสารแต่แรก ประชุมเตรียมการมาตั้งนาน fireD ใช้มาสี่ปียังอิหยังเก๊าะ ปวดหมองนะครับ
การเปิดเผยข้อมูล การจะชิงเผาพื้นที่หนึ่งๆ ต้องทำล่วงหน้า ให้กลุ่มประชาชนที่จะรับผลกระทบโดยตรงรู้ล่วงหน้า ใครจะเผา ทำกันกี่คน ดับจบนะ รายงานสำเร็จคนได้รู้ แต่ยังทำได้ไม่ครบ แรกๆ สบอ.16 ทำได้ดี มีป้าย มีรถกระจายเสียงแจ้งผู้คนว่าจะชิงเผา ตอนต้นมีนาคมก็ยังดูดีอยู่เลยในภาพรวม ไหงจากนั้นเละได้ไม่รู้ คือ ไม่มีระบบการแจ้งเตือนอะไร จู่ๆ คนมีอำนาจประกาศเสียงตามสาย บ่ายสามเผา มันก็ลามกลางคืน บางอำเภอจุดแบบไม่ต้องมีแนวกัน ชาวบ้านอื่นไม่รู้เขาก็เผาชนออกมา ไปกันใหญ่
เพราะระบบยังไม่เป็นระบบ ..น่าเสียดาย!!
การชิงเผาในป่า เป็นปัญหามาก คือถ้ามีแค่การขออนุญาตภาคเกษตร fireD จะเปล่งประกายมากกว่านี้ ในฐานะเครื่องมือวางแผนแก้เชิงโครงสร้างระยะยาว แต่ราชการของเราเคยชินกับชิงเผาก่อนชาวบ้านเผามาหลายปีก่อนหน้า เขาจึงใช้แอพนี้จองชิงเผาป่า… มีนะ คนที่บอกว่าเผาๆ ให้จบๆ ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบฟังมากับหู มาฟ้อง
ผมมีปัญหากับเรื่องนี้ ตรงที่ไปพบว่า ราชการขอจองชิงเผาในพื้นที่ซ้ำๆเดิมๆ และทำกันแบบไม่ประณีต ลามกลางคืนบ่อยมาก ถ้าระบบดี เปิดเผยย้อนหลัง สังคมจะพบพิกัดที่รัฐยื่นขอชิงเผาซ้ำๆ อย่างแน่นอน
คำถามคือ เหตุผลอะไรราชการเผาป่าซ้ำๆ เดิมๆ ?
ถ้าตอบว่ามันเสี่ยงที่จะถูกลอบเผา ก็แปลว่า ราชการช่วยมือเผาให้ได้เผา ในพื้นที่ซึ่งไม่จำเป็น ใช่หรือไม่ ที่จริงแล้วการบริหารไฟในสถานการณ์วิกฤตสุขภาพ ต้องคำถึงผลกระทบมากที่สุด เอาที่จำเป็นจริงๆ น้อยที่สุด และทำแบบประณีตดูผลกระทบ ถ้าจะแก้เพิ่มการป้องกันจริงจังพื้นที่แปลงนั้นลองดูมั้ย ทุกปีซ้ำๆ ไม่ไหวนะ
มีนาคมที่ผ่านมา ค่าฝุ่นแดงมากแล้ว ยังอนุญาตชิงเผาได้อยู่เลย
ใครอนุญาต ?
นี่ล่ะอีกปัญหา เพราะระบบเขาออกแบบให้มีการตัดสินใจอนุมัติโดยวอร์รูม ดูข้อมูลประกอบ ค่าฝุ่น ค่าลม ค่าการระบาย จำนวนไฟก่อนหน้าฯลฯ
จริงหรือไม่ที่บางอำเภอปล่อยปลัดอำเภอคนเดียว ใช้อำนาจจิ้มอนุมัติตามอำเภอใจ ปลัดคนนั้นดูค่าฝุ่นค่าไฟค่าลมเป็นมั้ย
แอพ fireD จะเป็นคุณูปการ ในการแก้ปัญหาระยะยาว ลองจินตนาการ หากชุมชนใกล้เคียงรู้ล่วงหน้า ชุมชนนี้ขอเผาป่าสักแปลงติดกัน เขาไปดูเหตุผล อ้าวมันไม่ใช่เหตุผลนี่
แค่อ้างว่าเสี่ยงสะสมเชื้อเพลิงใหญ่ แต่แปลงนี้มันไหม้เมื่อปีกลาย ระบบจะทำหน้าที่ของมัน
ที่สุดแล้วระบบจะกลั่นกรองนิยามคำว่าไฟจำเป็นจริงๆ ออกมา ซึ่งเอาเข้าแล้วในป่านี่ อาจจะไม่มากเลย ที่มากๆ เพราะอยากเผาให้จบๆ ไม่ต้องมาไล่ตามดับมากกว่า
ในเวทีถอดบทเรียนกลางเทอมที่วอร์รูมต้นมีนาคม ผมเชียร์ว่า fireD ทำต่อไปเหอะแต่ต้องเปิดเผยโปร่งใสมันจะเป็นเครื่องมือยกระดับสังคม แต่ตอนนี้เมื่อเกิดการใช้เละเทะในช่วงกลางมีนาคมเป็นต้นมา ผมเริ่มเปลี่ยนใจแล้ว
คือหากระบบยังไม่สามารถให้คนใช้ เอาเงื่อนไขกำกับไปใช้ให้ครบถ้วน เช่น ต้องจำเป็นจริงๆ ต้องย่อยแปลง ต้องดับจบ ต้องดูดินฟ้าอากาศผลกระทบเป็นสำคัญ และต้องมีธรรมาภิบาลเปิดเผย ข้อมูลใครเผา ใครอนุญาต เพราะเหตุใด ทั้งหมดเสียก่อน
เพราะ fireD คืออำนาจ
อำนาจใช้ไฟ อำนาจสร้างผลกระทบ คนใช้อำนาจต้องถูกกำกับด้วย มิฉะนั้นจะเป็นแค่ใบอนุญาตเผาตามอำเภอใจ licence to burn ที่ไม่แยแสสังคม
มันต้องมาทบทวนยกเครื่องจริงจังครับ หากจะผลักดันแนวทางนี้ให้ไปต่ออย่างยั่งยืน
แต่หากยังจะทำแบบมีนาคมที่ผ่านมา สังคมเขาไม่เอาด้วยหรอก ระบบนี้ก็จะจบเห่อย่างน่าเสียดายเวลา 4 ปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น