วันพุธที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

ต้นไม้เลื่อนทิ้งใบ ลมเปลี่ยน อากาศเขียวปะทะส้ม : บันทึกต้นฤดูฝุ่นควัน 2567

ต้นฤดู ภาคเหนือแบ่งเป็น 2 โซน เขียว/ส้ม 










ต้นไม้เลื่อนทิ้งใบ ลมเปลี่ยน อากาศเขียวปะทะส้ม : บันทึกต้นฤดูฝุ่นควัน 2567


บัณรส บัวคลี่



     มีการคาดการณ์ตั้งแต่ปีกลายว่าฤดูฝุ่นควันปี 2567 จะหนักหนาสาหัสกว่าปี 2566 เพราะเป็นปีเอลนิโย่ แต่เมื่อเวลาเดินทางผ่านเดือนมกราคมเข้าสู่กุมภาพันธ์ ปรากฏว่า สถิติทั้งหลายดีกว่าปี 2566 อย่างชัดเจน ไม่ว่าจำนวนจุดความร้อน หรือ ค่ามลพิษอากาศ เมื่อเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ อากาศของจังหวัดด้านตะวันตกคือ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย ตาก ยังคงสดใสต่างจากปีก่อนๆ หน้า ขณะที่ด้านตะวันออก คือ ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา เริ่มมีสีส้ม เนื่องจากมีไฟไหม้ในพื้นที่ป่ารอยต่อสามจังหวัด แต่ก็ไม่ได้เป็นระดับวิกฤต มลพิษไม่ได้เข้มข้นสูงมาก เฉลี่ยที่ 60-80 ไมโครกรัม/ลบ.ม.


     นับเป็นการเริ่มฤดูฝุ่นควันที่ดูดีไม่น้อย ซึ่งเมื่อหากพิจารณาลึกไปถึงเหตุปัจจัยของการเกิดมลพิษ จะพบว่า มีทั้งปัจจัยทางธรรมชาติ เหตุทางอุตุนิยมวิทยาบรรยากาศที่เปลี่ยนไปทางเอื้อ และ เหตุปัจจัยด้านการบริหารจัดการ ทำให้ดัชนีต้นฤดูของภาคเหนือยังดูดี



ปัจจัยทางธรรมชาติ

1 .ฤดูแล้งเลื่อนออก

การสำรวจของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่นเมื่อกลางเดือนมกราคม ในพื้นที่ป่าเหนือเขื่อนภูมิพล ซึ่งมักจะแห้งก่อนภาคเหนือตอนบน พบว่า ปีนี้ใบไม้ชะลอการทิ้งใบจากเดิมราวสองสัปดาห์ จากที่เคยทิ้งใบต้นเดือนกุมภาพันธ์ เปลี่ยนเป็นกลางเดือน ล่าไปราว 20 วัน

ป่าทางโซนใต้ที่เคยไหม้ตั้งแต่ปลายมกราคม เช่นป่าแม่ตื่น ป่าอมก๋อย ป่าแม่ปิง ปีนี้ยังไม่เริ่มไหม้ ขณะที่ป่าทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนยังมีความชื้นมาก ต้นเดือนกุมภาพันธ์ใบยังเขียวอยู่ กลายเป็นว่า ผืนป่าที่เริ่มไหม้ก่อนเป็นป่าโซนกลางรอยต่อจังหวัดแพร่ ลำปาง พะเยา ที่ไหม้เมื่อต้นกุมภาพันธ์ต่อเนื่องราว 1 สัปดาห์



2. ลมเปลี่ยน


ปกติในต้นกุมภาพันธ์ ลมระดับล่าง ไม่เกิน 1 ก.ม. ที่มีอิทธิพลต่อฝุ่นควันภาคเหนือ จะพัดจากภาคกลาง ขึ้นมายังภาคเหนือตอนบน คือพัดมาจากทิศใต้ หอบเอาฝุ่นควันภาคกลางและเหนือนตอนล่างขึ้นมาสมทบ แต่ปีนี้ ลมใต้เกิดเพียงช่วงสั้นๆ เมื่อปลายมกราคม จากนั้นเกิดมีลมตะวันตกพัดมาแทน ลมตะวันตกเริ่มมีอิทธิพลในสัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์

เช้าวันที่ 7ก.พ. กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่ามีลมตะวันตก ระดับบน กดอยู่ทางชายแดนตะวันตก พัดเข้ามา และเมื่อดูแผนที่อากาศของกรมอุตุฯ พบว่า ลมจากตะวันตกพัดเข้าในทุกระดับ ที่รายงาน 925-850 hPA ยิ่งสูงยิ่งแรง ยิ่งสูงยิ่งหนาว ลมตะวันตกทำให้อากาศทางเหนือยังหนาวในช่วงเช้า เพราะไหลเลาะขอบหิมาลัยมา

ปกติในช่วงต้นฤดู ลมใต้ที่พัดขึ้นได้หอบฝุ่นควันขึ้นมา แต่ปีนี้พัดจากตะวันตกในช่วงที่การเผาในประเทศเมียนมาร์ยังไม่มากนัก ลมมีระดับแรงในกลางวัน ทำให้ฝุ่นควันไม่สะสม

ทิศทางลม 6 ก.พ.2567 พัดจากตะวันตก

ทิศทางลม 22 ก.พ. 2566 พัดจากตะวันออกไปตะวันตก/เหนือ 


3. ลมไม่เปลี่ยน

ลมตะวันออกในด้านตะวันออกของภาคเหนือไม่เปลี่ยน ทำให้มายันกับลมตะวันตก


ลมตะวันออกยังคงพัดเป็นปกติทางด้านตะวันออกของภาคเหนือ คือ ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ และต้นไม้ทางด้านโซนนี้เริ่มแห้งและมีไฟป่า เกิดฝุ่นควันที่พิกัดจุดเผามาก เช่น เขตอำเภองาว ลำปาง และอำเภอสอง สอง พัดขึ้นไปทางอำเภอเชียงม่วน และอำเภอเมืองพะเยา ทำให้ค่าฝุ่นด้านนี้เริ่มเป็นสีส้มตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา



ความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติและจุดความร้อน แบ่งพื้นที่ผลกระทบภาคเหนือออกเป็น 2 ฟาก คือ ฟากตะวันตกยังคงปกติ อากาศยังดีเป็นสีเขียว/ฟ้า ขณะที่ฟากตะวันออก ค่าฝุ่นเป็นสีส้มแดง มีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากปัจจัยลม และ ความแห้งของใบไม้









ปัจจัยทางการบริหารจัดการ




     ในปี 2567 นโยบายรัฐบาลใหม่ ที่มีฐานคะแนนทางภาคเหนือ เอาจริงเอาจังกว่ารัฐบาลก่อนหน้า มีผลต่อกลไกการทำงานราชการในระดับสำคัญ ปีนี้มีการเปลี่ยนนโยบายและมาตรการหลายประการ เช่น การตั้งเป้าพื้นที่ป่าเป้าหมายไฟแปลงใหญ่ ต้องลดลง 50% ซึ่งเป็นเป้าหมายแบบก้าวกระโดดไม่เคยมีมาก่อน

    เมื่อวันที่ 6 ก.พ. มีคำสั่งย้ายหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ที่ปล่อยปละไฟไหม้ลาม เป็นการลงโทษกระชับระบบบริหารจัดการภายในของกรมอุทยาน ซึ่งได้มีคำสั่งไปยังหน่วยงานที่มีไฟไหม้ลามเกิน 48 ชั่วโมงให้เร่งจัดการ เช่น มีคำสั่งให้ สบอ.13 (แพร่) จัดการไฟลามในอุทยานแม่ยม ปรากฏว่า ได้มีการขยับรับระดมกำลังจากหลายหน่วย ข้ามจังหวัดมาช่วยจนสามารถดับลงได้ในระดับปกติ รวมถึงมีการจัดการด้านประชาสัมพันธ์และการชิงเผาล่วงหน้าอย่างถูกหลักวิชาการ แจ้งข่าวสาธารณะล่วงหน้าและดับจบในวันเดียว ซึ่งก่อนหน้าไม่มี

     การยกระดับการบริหารจัดการใหม่ๆ มีผลต่อความกระตือรือร้นในภาพรวมของต้นฤดู แม้ว่า เนื้อหาของการจัดการอีกหลายๆ ประการยังไม่ได้เปลี่ยนไปมากก็ตาม





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น