วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558



วันนี้เมื่อสามปีก่อน

ส่งจดหมาย-แบบตอบรับ จ่าหน้าด้วยลายมือง่ายๆ ไปถึงสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ขอข้อมูลการเดินทางไปเที่ยวอังกฤษกับคณะนักข่าว การขอข้อมูลครั้งนั้นใช้เวลาข้ามปี ต้องร้องเรียน มันให้มาแบบเสียไม่ได้ ขออย่างให้มาอีกอย่าง ก็ยื่นขอซ้ำ เพื่อจะยืนยันสิทธิ์ของเรา....

ว่าประชาชนมีสิทธิ์นี้ คุณจะปฏิเสธไม่ได้ เพราะเงินที่เอาไปมาจากภาษีเรา


สิ่งที่จะต้องปฏิรูปอย่างหนึ่งเพื่อให้ชาติบ้านเมืองเราไม่เลี้ยวกลับไปสู่วงจรสมบัติผลัดกันชมก็คือ กระบวนทัศน์ของประชาชนพลเมืองเรานี่แหละ!

ทำยังไงให้คนสักล้าน-ห้าล้าน-สิบล้าน (ก็พอมั้ง?) มองสิ่งที่เรียกว่า "การเมือง" ให้พ้นไปจากกรอบแคบๆ แค่การแย่งชิงกันของกลุ่มต่างๆ เพื่อไปมีอำนาจ ...ทำยังไงพอพูดคำว่าการเมือง สมองของประชาชนไม่ได้พุ่งไปที่ หีบเลือกตั้ง - หรือแค่ภาพของรถถังยึดอำนาจ!!!?

กระบวนทัศน์ใหม่ที่จะเปลี่ยนแปลงภูมิศาสตร์การเมืองได้ ต้องเริ่มที่ประชาชนรู้สึกว่า นี่มันประเทศของเรา นั่นมันเงิน(ภาษี)ของเรา ไอ้นั่นก็แค่ลูกจ้างเราไปใช้อำนาจ และที่สำคัญคือ ประชาชนต้องมั่นใจว่าเราเหยียบผืนดินนี้ได้เต็มตีน มีสิทธิ์เท่าๆ กับ ฯพณฯ ท่านทุกระดับ ไม่ว่าเศรษฐี พ่อค้า อำมาตย์ ราชการ หรือกระทั่งทหาร ตำรวจ

การติดต่อกับราชการ ไม่ต้องกลับไปหาชุดเต็มยศ หาถ้อยคำหรูๆ แบบทางการซึ่งตัวเองไม่สันทัด เอาแค่แต่งกายเรียบร้อยสื่อสารสุภาพ... แบบเดียวกับจดหมายขอข้อมูลที่ส่งไปยังประธานรัฐสภา ก็ไม่ต้องควานหาซองขาวยาว ไปหาพรินเตอร์มาพิมพ์ซองให้เลิศหรูอะไร

จดหมายนี้เป็นตัวแทนของการแสดงออกซึ่งสิทธิ์ของประชาชน ไปยังผู้ที่อาสาตัวไปมีอำนาจรัฐ "ไม่ใช่" จดหมายกราบกรานขออนุญาตให้ท่านเปิดข้อมูล ควรไม่ควรแล้วแต่ท่านจะพิจารณา!

ในยุคที่คำว่า "ปฏิรูป" กำลังเฟ้อจะปฏิรูปอะไรมากมายใช่บ้างไม่ใช่บ้าง สิ่งหนึ่งที่ควรจะปรับปรุง สถาปนาขึ้นมาให้ได้ ก็คือ "พลังอำนาจของประชาชน"

การปฏิรูปด้านนี้ บางอย่างต้องอาศัยกฏหมายเช่น รัฐธรรมนูญ...ฉบับที่ถูกตีตกไปมีหลายมาตราที่เป็นเรื่องใหม่และยกระดับพลังอำนาจของประชาชนจริงๆ สังคมต้องเรียกร้องกรธ.ชุดใหม่ให้คงมันไว้ต่อไป เช่นเรื่องที่สามารถไปขอดูรายละเอียดการใช้เงินงบประมาณของรัฐได้จากจากทุกหน่วย ไม่เว้นกระทั่งเอกชน หากว่าเกี่ยวข้องกับการใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน ฯลฯ

แต่ที่สำคัญ การปฏิรูปเพื่อให้พลังอำนาจประชาชนมีจริงขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งก็คือ กระบวนทัศน์ของประชาชนเอง / ต้องสลัดหลุดให้พ้นจากกับดักความคิดเดิมๆ คือคิดว่าการเมืองเป็นแค่การชิงอำนาจกันระหว่างหีบเลือกต้้งหรือกระบอกปืน ความคิดแบบนี้ส่งเสริมให้ประชาชนไปเป็นแค่หางเครื่องกองเชียร์เท่านั้น ไม่ได้ไปไหนไกล

การเมืองที่แท้ ไม่ใช่รัฐสภาหรือทำเนียบ แต่เป็น ประชาชนๆๆๆ ต่างหาก.

หมายเหตุ / ท่านที่อยากแชร์ อาจจะแชร์ได้สเตตัสเก่า เรื่องการขอข้อมูลข่าวสาร ท่านอาจต้องก๊อปปี้สเตตัสที่อ่านนี้ไปแปะด้วยน่ะครับ ... ลำบากเพิ่มขึ้นหน่อยสำหรับวันนี้เพราะอยากให้เห็นเรื่องเมื่อสามปีก่อนด้วย

ที่มา/ เฟซบุ้ค bunnaroth buaklee 27/9/2558 

-----------
หนังสือขอข้อมูลข่าวสารตามพรบ.ข้อมูลข่าวสารราชการ ไปรษณีย์ตอบรับ ส่งถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ... ขอทราบข้อมูล 3 ประเด็นโดยรวมคือรายละเอียดโครงการและการไปอังกฤษของคณะสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ //
ปกติแล้วเวลามีเรื่องแบบนี้ฝ่ายการเมืองจะเปิดเผยให้อยู่แล้วโดยไม่ต้องขอ ประมาณว่าแถลงข้อเท็จจริง หรืออีกแบบเวลานักข่าวยื่นไมค์ถามก็จะตอบ แต่ทว่าตอบแบบเล่นลิ้นบ้าง ตอบแบบกั๊กๆให้นี่แต่ไม่ให้โน่น... การขอแบบนี้เป็นการขอตามกฏหมาย ส่งไปก่อนดักทั่นประธานกลับมาจากเมืองจีน... //
หวังว่าข้าราชการรัฐสภาคงไม่บ้าจี้ปฏิเสธไม่รับจดหมายนะ เพราะหากผมเดินทางไปยื่นเองที่งานสารบรรณของสภา ผมจะขอทุกเรื่องที่นักการเมืองไม่อยากเปิด เช่น การเดินทางโดยเครื่องบิน ขอดูรายละเอียดทริปของทุกกมธ.ทั้งสามัญและวิสามัญ ทั้งนี้เพื่อมิให้เสียเที่ยวและเพื่อพิสูจน์ว่ากม.ข้อมูลข่าวสารใช้ได้กับสภาผู้แทนฯหรือไม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น