ฉัตร = ร่ม = เครื่องแสดงยศตำแหน่ง
![]() |
ภาพแกะสลักที่นครวัดด้านทิศใต้ แสดงขบวนแห่พระเจ้าสุริยะวรมันที่ 2 |
ให้เข้ากับวโรกาสวันฉัตรมงคล ขอเปลี่ยนจากโหมดการเมืองมาเป็นโหมดศิลปวัฒนธรรมบ้าง ซึ่งเราท่านก็คงรู้กันมาแล้วว่า ฉัตรเป็นเครื่องบอกระดับยศตำแหน่ง เป็นธรรมเนียมไทยเรามีมาแต่อยุธยา ก็รับรู้กันอยู่ใช่ไหมครับ ระดับใดจึงจะทรงฉัตร 9 ชั้น 7 ชั้น 5 ชั้น แต่มายุคปัจจุบันคนมันไม่เหมือนแต่ก่อน อะไรที่เคยยึดกันมาก็ผ่อนลง คลี่คลายลง ปล่อยๆ กันไป ลามปามกันไปก็มี อย่างเจ้าอาวาสพิเรนทร์อุตริส่องตะวันก็คิดยกฉัตร 9 ชั้นเชิญเจ้านายเหนือของฝ่ายตัวเองไปยกกันเอิกเกริก
เว็บไซต์พิพิธภัณฑ์กรมธนารักษ์ให้ข้อมูลวิวัฒนาการเรื่องฉัตรไว้ดี ลองเข้าไปอ่านกัน http://emuseum.treasury.go.th/article/506-vivat.html แต่สำหรับผม ถนัดในการเสริมเกร็ด เพิ่มสีสัน ขอบรรยายเติมลงไปเพื่อความสนุกสนานยิ่งขึ้น
ฉัตร แต่เดิมคือ ร่ม แหละครับ มนุษย์เราพอรวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นบ้านเมืองก็มีลำดับชั้นในการปกครอง เครื่องแสดงความแตกต่างระหว่างคนที่ใหญ่กว่าคือ การแต่งกาย เสื้อผ้า ผม เครื่องประดับ ไปจนถึง เครื่องใช้แวดล้อม เวลาไปไหนมาไหนแห่แหนไปจะมีพร็อพพวกนี้แหละ บ่งบอกว่า เฮ้ย นี่มันขบวนเจ้านายมา คนจะได้คอยเฝ้าแหนหรือจะเลี่ยงหลบไปตามแต่อัธยาศัย
วัฒนธรรมใช้ร่มมาประดับ บ่งบอกฐานะตำแหน่งใครใหญ่ใครเล็กมีทั่วไปไม่ใช่แค่ไทย เพราะเขมร ลาว พม่า อินเดียก็มี ที่จริงสุวรรณภูมิแถวนี้รับมาจากอินเดียกันทั้งหมด อยุธยาก็รับมาจากเขมรนครธมอีกทอด
ภาพสลักที่นครวัดด้านทิศใต้ ขบวนของพระเจ้าสุริยะวรมันที่ 2 ซึ่งมีทัพเสียมกุกอยู่ขบวนนำหน้านี่ชัดเจนมาก ท่านจะสังเกตพบว่า ผู้นำขบวนทัพแต่ละทัพจะมีร่มใหญ่ๆ คล้ายๆ ใบบัว บ้างก็ 5 ร่ม บ้างก็ 7 พระเจ้าสุริยวรมันนี่ผมพยายามนับได้ 14 ก็ไม่แน่นะอาจจะมีอีกร่มซ่อนอยู่เป็น 15 ตอนนี้เชื่อสายตาตัวเองไว้ก่อน ร่ม 14 คันประกอบขบวนแห่มันเยอะนะครับ เฉพาะคนแบกร่มก็หลายคนแล้วยังต้องมีคนถือธงถือหอกดาบตามอีก ต่อมาจึงมีนวัตกรรมเอาร่มมาซ้อนกันเป็นชั้นๆ ลดความรุงรังลง กลายเป็นฉัตรนี่ยังไง
(เจ้านวัตกรรม เอาร่มมาซ้อนนี่มาก่อนหลังยังไงไม่รู้แน่ เอาว่ามีภาพแกะสลักที่อินเดียซึ่งเก่ากว่าอยุธยาก็มีร่มซ้อนกันแล้ว)
เศวตฉัตรคือร่มขาว คือการใช้สีมาบ่งบอก สีขาวนี่แห่มาเห็นชัดแต่ไกล ล้านช้างร่มขาวน่าจะได้มาจากอยุธยานี่แหละ แต่ทางพม่าเขาว่าสีทองแหล่มสุด กษัตริย์ยิ่งใหญ่ต้องใช้สีทอง อย่างชื่อของ ตะเบงชะเวตี้ (แปลงจากคำพม่าว่า ตะ+เบง+ฉ่วย+ตี) ฉ่วยหรือชเว แปลว่าทอง ส่วนตี คำพม่าคือ มักออกเสียงว่า ที... ထီး แปลว่า ร่ม...เวลาไปตามตลาดเห็นคนถือร่มหุบเข้าออกเรียกว่า ที เหมือนกัน ตะเบงฉ่วยทีแปลว่า ร่มทองอันเดียว=สุวรรณเอกฉัตร บ่งบอกถึงเครื่องประดับยศของกษัตริย์ยิ่งใหญ่เพียงองค์เดียว
พวกนักการเมือง ขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ นายกอบจ. นายกอบต. ยุคนี้ถ้าหากจะแสดงความยิ่งใหญ่ให้คนเห็นอย่าได้ใช้ฉัตรที่ซ้อนๆ กันเป็นอันขาดเพราะมันทำเทียมเจ้านาย มีพระบ้าพระบอมาเชิญไปยกฉัตร 9 ชั้นถ้าเลี่ยงได้ก็อย่าไป มันไม่เหมาะ บ่งบอกว่าเราไม่รู้ธรรมเนียม แต่หากกระสันต์อยากจะยิ่งใหญ่จริงๆ ว่าจ้างคนถือร่มแม่ค้าอันใหญ่ๆ เดินตาม 8 คัน 9 คัน แบบสมัยพระเจ้าสุริยะวรมันน่าจะเท่กว่า ไปไหนใครก็รู้ !
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น