เห็นข่าวชิ้นนี้แล้วต้องยอมรับความลึกล้ำของปักกิ่ง เขาต้อนรับนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมธี ด้วยขบวนเครื่องแต่งกายยุคราชวงศ์ถัง แถมจัดที่หน้าประตูเมืองซีอานอีกต่างหาก งานนี้เป็นงานสำคัญเพราะอินเดียจะเป็นพันธมิตรสำคัญในสงครามจัดระเบียบโลกใหม่ ที่อเมริกาเองก็พยายามยื้อแย่งอยู่ในที
ความสัมพันธ์จีน-อินเดีย มีมายาวนาน ในฐานะมหาอำนาจทางอารยธรรมแห่งโลกตะวันออก ที่ต่างก็กินกันไม่ลง... สองชาตินี้น่ะรู้ว่ามีอีกฝ่ายอยู่ แล้วก็รู้อยู่ตรงไหนของแผนที่ด้วย มหากาพย์มหาภารตะเก่ากว่า 3 พันปีก็เอ่ยถึงชนชาติจีนแล้ว ส่วนประวัติศาสตร์จีนยุคแรกๆ ก็เอ่ยถึงอินเดียเหมือนกัน
แต่ยุคสมัยที่สองชาตินี้มีความสัมพันธ์แนบแน่น มีเรื่องราวปรากฏนั้นอยู่ในระหว่างสมัยถังครับ (พ.ศ.1161-1450) ในยุคนั้นละแวกบ้านเราก็มีพยู จาม ฟูนัน ต่อด้วยขอม หลังๆ ก็เริ่มมีมอญ และหริภุญไชย คือว่าพอมีตัวตนแล้วแต่ยังเป็นวุ้นๆ อยู่เลย
เมืองหลวงของถังคือฉางอาน ที่ต่อมาคือซีอาน เมืองที่นายกฯ นเรนทราไปเยือนนี่แหละครับ แล้วฉางอานก็เป็นเมืองต้นทางของเส้นทางสายไหม เป็นช่องทางเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับอินเดียหลายเรื่องหลายราว มีทั้งการส่งทูตออกไป มีพระถังซัมจั๋งไปเรียนที่อินเดีย พระทางอินเดียก็เดินทางไปอยู่เมืองจีน มีชื่อเสียงหลายรูป..ก็อยู่ในยุคนั้น
ความหมายที่ซ่อนในขบวนนี้มันตอกย้ำว่า สัมพันธ์ระหว่างจีนกับอินเดียมีมานานแล้ว มาก่อนอเมริกาประเทศเกิดใหม่ไม่มาก แค่พันปีเอ้ง !!! ฮาๆ
แต่ๆๆ... ยังมีอีกครับ รหัสยนัยของขบวนถังและการใช้ซีอานมาเป็นเครื่องมือส่งสารยังลึกลงไปกว่านั้นอีก
จีนน่ะประกาศนโยบายบทบาทความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยุคใหม่ จำได้ไหมครับที่บอกว่าจะรื้อฟื้นเส้นทางสายไหม ทั้งบนบก และทางทะเล ที่แปลว่าจะมีการต่อเชื่อมความสัมพันธ์ จะมีเครือข่าย มีความร่วมมือในระดับต่างๆ ขยายอิทธิพลของจีนออกไป
ซีอาน (ฉางอาน) และ ราชวงศ์ถัง คือ ภาพลักษณ์ของทางสายไหมยุคแรก ... ส่วนภาพ สีจิ้นผิง-นเรนทรา โมธี ที่กำแพงนครฉางอาน มองยังไง...ก็คือภาพของการเชื่อมความสัมพันธ์เป็นพิเศษ
นี่เป็นรูปธรรมหนึ่งของของแผนการทางสายไหมยุคใหม่อย่างชัดเจน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น