เจ้าฟ้าว้อง
-----------------
•ว้อง•
ตำนานหลายฉบับทางเหนือ -ลาว -ลื้อ มีการเอ่ยถึง เจ้าฟ้าว้อง หรือพระเจ้าว้องหลวง คล้ายๆกัน หมายถึง พระเจ้าผู้ปกครองเมืองฮ่อ
ชาวไตลื้อสิบสองปันนา ใกล้กับ เจ้าว้อง มากที่สุด เพราะอยู่ห่างกันแค่เทือกภูเขากั้น
ว้อง ในความรับรู้แรกสุดของชาวไต คือ ว้องที่ปกครองต้าหลี่ /ยูนนาน ไม่ใช่ กั๋วอ๋อง 国王 จักรพรรดิ 皇帝 ที่ปักกิ่ง ... ขณะที่รัฐจีนนับแต่สมัยถังลงมา ที่เริ่มมีการสถาปนาเขตปกครองยูนนาน Authority ของอ๋องยูนนานคือการแผ่อำนาจปกครองดินแดนคนเถื่อนชายขอบให้เรียบร้อย เป็นสำคัญ
-----------------
•ตำมิละ•
คนไตลื้อสิบสองปันนา อพยพมาจากที่อื่นแน่นอน... ตำนานเมืองลื้อเล่าว่า มาจากเมืองลื้อหลวง...ซึ่งอยู่ที่ไหนสักแห่ง คงน่าจะตะวันออกแถบกวางตุ้ง ซึ่งก็เป็นเขตชนเผ่าออสโตรเนเชียนแต่เดิม
ตำนานลื้อที่จารแบบตัวธรรม เล่าว่า มีพวกชนเผ่าเจ้าถิ่นเดิม เรียกว่า ทำมิละ พอชาวลื้อขุนเจื๋องย้ายมา ก็ไล่พวกนี้ออกไป อยู่รอบนอก
ตำมิละ มาจาก ทมิฬ ภาษาพวกพระที่จาร ที่จริงคือพวกขมุข่า ชนพื้นเมืองเดิมก่อนคนเผ่าไตมาถึงนั่นเอง
----------------
•ขุนเจื๋อง เป็นลูกน้อง อ๋องฮ่อ•
ตำนานน่ะ เริ่มจากความจำ ปากต่อปาก เล่าเรื่องบรรพชน แล้วต่อมาเมื่อเรียนรู้ตัวอักษร ค่อยจารลงเป็นบันทึกอีกทอด มันก็อลังการเติมต่อไปเกินจริง แต่เราก็สามารถสกัดความน่าจะเป็นทางประวัติศาสตร์จริงๆ ได้จากตำนานเช่นกัน
ตำนานลื้อเล่าถึง พญาเจื๋อง ขุนเจื๋อง คนๆ นี้มีอยู่จริงแน่นอน ในสมัยใดสมัยหนึ่งเมื่อ 1 พันปี+/- พญาเจื๋องเป็นหัวหน้าหน้าใหญ่ชนเผ่าไต รบพุ่งเก่งกาจ อย่างน้อย มันจึงถูกบันทึกเป็นวีรกรรม ว่าพญาเจื๋องแห่งเผ่าไต ได้รับการยกย่องสถาปนาจาก เจ้าฟ้าว้อง
แปลว่าอะไร...ก็แปลว่า ชนเผ่าไต ยอมรับอำนาจของ อ๋อง แห่งยูนนานมานับแต่พญาเจื๋องกำเนิดขึ้น แต่คนไตไม่ยอมญวนนะ ถือว่าเป็นคนละพวก และไม่ถูกกัน พญาเจื๋อง ยกชนเผ่าไตไปรบญวนด้วย นี่ก็ความทรงจำ
-------------------
•นิทานลื้อ สองฝ่ายฟ้า•
คนไตลื้อสิบสองปันนา อยู่ด้วยกันกับเพื่อนบ้านอำนาจใหญ่แห่งลุ่มหนองแส ข้างบนแบบที่ยอมรับในอำนาจเหนือกว่า
เรื่องนี้สะท้อนผ่านนิทานเรื่องเล่าเผ่าไต socialization กล่อมเกลาให้ยอมรับในอำนาจเหนือที่ว่า
นิทานลื้อที่ บุญช่วย ศรีสวัสดิ์ บันทึกไว้เมื่อหลังสงครามโลก เล่าไว้ -->
เจ้าฟ้าว้อง มีโอรสสามคน แข่งกันยิงธนู ใครยิงตกไปที่ใดได้ครองเมืองนั้น คนแรก ยิงขึ้นบนอากาศตกที่เดิม ได้ครองเมืองว้อง คนที่สองยิงไปตกอังวะ เมืองม่าน ได้ครองเมืองม่าน คนที่สามยิงไปตกแถวเวียงผาครางข้างน้ำโขง เลยได้ครองเมืองลื้อ ต่อมาสามพี่น้องไปเฝ้าพระอินทร์ตามกำหนดเพื่อเอาขวานฟ้าที่ขว้างลงมากลับไปถวายคืน...ระหว่างทาง คนน้องสามเห็นควายพีๆ อยากกินเนื้อสด ทำซ้าจิ้น (แฮ่ม ผมก็มักกิ๋นซ้าจิ้น) ของดิบๆมันก็มีอร่อยของมัน แต่พระอินทร์ไม่ชอบ เหม็นสาบ ถามว่าใครกินควายดิบมา ..ไม่มีใครตอบ พระอินทร์สั่งให้อาเจียรอ๊วกออก คนแรกเมืองจีนคายผักกาดดอง รอดไป คนที่สองเมืองม่าน คายออกเป็นปลาร้า อ๋อ ของหมักดองมีโพรไบโอติกรอดไป
ส่วนคนสาม อ๊วกออกมา ไม่รอด ...เจอะเนื้อควายดิบๆ เหล่านางสวรรค์พากันยี้แหยะ เหม็นสาบพวกป่าเถื่อน น้องสามผู้ปกครองเมืองลื้ออับอายขายขี้หน้า หนีจากสวรรค์ลงมาก่อน แต่ก็เดือดร้อนผู้พี่ คือ อ๋องเจ้าว้องเมืองจีน และ กษัตรย์อังวะเมืองม่าน ต้องมากวาดเช็ดอ๊วกของน้องสาม
นิทานที่กล่อมเกล่าชาวลื้อเรื่องนีั้ ทิ้งท้ายว่า ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ชาวไตลื้อสิบสองปันนา ต้องเก็บเงินจากครัวเรือนๆละ 1 ห้าว (มาตราโบราณ) เพื่อส่งไปชดเชยให้พี่ใหญ่ทั้งสอง ที่อุตส่าห์ช่วยเช็ดอ๊วกบนสวรรค์แทนน้องสาม
ที่จริงก็คือ การกล่อมเกล่าให้ชาวไตลื้อ ยอมรับอำนาจใหญ่ที่เหนือกว่า ของ จีน และ ม่าน นั่นเอง... ต้องส่งส่วยให้ ต้องให้ราษฎรยอมรับที่ต้องควักจ่าย
เชียงรุ่งในยุคหมิงลงมา เป็นเมืองชายขอบอำนาจของทั้ง อังวะ และ ปักกิ่ง/คุนหมิง แต่ก็ต้องส่งส่วยถวายความเคารพแก่ทั้งม่านและอ๋องจีน มีสำนวนลื้อกล่าวว่า "ฮ่อเป็นป้อ ม่านเป็นแม่" นั่นคือ เป็นเมืองสองฝ่ายฟ้า ร่วมกันปกครอง ก่อนสงครามโลก ราวๆ กลางรัตนโกสินทร์ลงมา ถึงกับมีการหารือร่วม พม่าจีน เอาใครขึ้นเป็นเจ้าปกครองสิบสองปันนา ให้มันเกิดสมานฉันท์ไร้รอยต่อ
อำนาจรัฐสยาม เคยขึ้นไปถึงเชียงรุ่งก็จริง แต่สั้นๆ และไม่ยั่งยืนแค่กวาดต้อนคนลงมา เชียงรุ่งไม่นับสยามเป็นสามฝ่ายฟ้า ก็มีช่วง ร.3 ที่ยกไปตีเชียงตุง หวังจะคุมไปถึงเชียงรุ่งต่อไป เพราะมีการแย่งชิงอำนาจกันในชาวลื้อสิบสองปันนา มีเจ้าลื้อฝ่ายที่แพ้ลงมาขอพึ่งบารมี ร.3 ซึ่งที่สุดก็ไม่สำเร็จ ตีเชียงตุงไม่ได้ เจ้านายฝ่ายเหนือ เชียงใหม่ ลำพูน แพร่ น่านไม่เอาด้วย สยามไม่มีทางสำเร็จ มันไกลเกิน
-------------------
เทป เจียแยนจอง ฮ่อ/ลื้อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น