hotspot V.S. รอยไหม้ดาวเทียม
ตัวเลขฮอตสปอต กับ เลขรอยไหม้ ไปคนละทิศละทาง ไม่สัมพันธ์กัน
ข้าราชการปฏิบัติการจะเกร็งมากกับ KPI จุดความร้อน เพราะเขากำหนดว่า ต้องลดจากเดิมให้ได้กี่เปอร์เซ็นต์ นับกันเป็นเม็ดๆ เอาจริงเอาจังชนิดหาวิธีลบออก เพื่อให้เลขมันสวย
และบางคนก็โกรธจิสด้า ไปเอาจุดความร้อนที่ไหนมา นั่นมันเขตอำเภออื่นไม่ใช่อำเภอฉัน บ้างก็ว่า นี่มันไฟเผาศพป่าช้า พวกส่วนกลางไม่รู้หรือไง เอาจุดความร้อนมาใส่ไฟกัน คือระบบที่กอดแต่จำนวนตัวเลขจุดความร้อนนี่ทำให้หมกมุ่นกับอะไรไม่รู้ บางคนก็ว่า ไฟไหม้จุดความร้อนไม่ขึ้น เป็นความผิดจิสด้าอีก อ้าววว
คือการนับแต่ hotspot มันไม่ได้ก่อให้เกิดประสิทธิภาพอะไรมาก เพราะเมืองไทยเราอาศัยดาวเทียมของคนอื่น ที่ผ่านมาวันละแค่ 2 รอบ เอามาใช้งาน ช่องโหว่มากมายหากใช้มันมานับให้คุณให้โทษ มีพวกลอบเผาหลบดาวเทียมมากมาย เกิดฝุ่นควันเหมือนกันแต่เลขจุดความร้อนไม่ขึ้น
หากดูเฉพาะตารางแท่งๆ สีแดง เทียบจุดความร้อนปีนี้กับปีที่แล้ว เชียงใหม่กับแม่ฮ่องสอนนำมาเลย 1.3 หมื่นจุด
แต่อ้าว ด้วยจำนวนตัวเลข hotspot ใกล้กัน รอยไหม้แม่ฮ่องสอน 6.59 แสนไร่ ส่วนเชียงใหม่ 5.12 แสนไร่
เชียงราย กับ อุตรดิตถ์ นี่น่ากลัวกว่า ก็มันหลอกไง บรื๋ออมากกก !!
เชียงราย กับ อุตรดิตถ์ มีจุดความร้อนใกล้กัน 3.4 พัน แต่รอยไหม้ของเชียงราย แค่ 8.9 หมื่นไร่ ขณะที่อุตรดิตถ์ 3.1 แสนไร่
นั่นเพราะอุตรดิตถ์มีเผาภาคเกษตรมาก ดูรอยไหม้ระหว่างเดือนได้เลยว่ามีเผาเกษตรมาก การเผาเกษตรควบคุมได้ ในแปลง จบเร็ว ดาวเทียมไม่เห็นจุดความร้อน แต่ รอยไหม้มันมี ...
แพร่กับเชียงรายก็ไล่ๆ กัน แต่รอยไหม้แตกต่างกันมาก เพราะแพร่มีพื้นที่ไหม้ในป่าเยอะ ลามยาวหลายวันก็มีหลายอำเภอ
hotspot นั้นมันไม่ใช่ปัญหา แต่คนเอามาใช้ต่างหาก ที่เป็นปัญหา โดยเฉพาะเจ้านายผู้บริหารทั้งหลาย ที่ไม่เข้าใจ กอดเป็นสรณะ ถึงขนาดไม่ให้รายงานดาวเทียมระบบอื่น เพราะกลัวเลขเพิ่ม
hotspot นั่นน่ะ มีประโยชน์มากสำหรับปฏิบัติการเผชิญเหตุ ส่องดูหลายๆ ดวงเลย เผื่ออีกดวงพลาดเมฆบัง เสือไฟจะได้เข้าไปชาร์จได้ถูก ได้เห็นปัญหา จุดความร้อนมีไว้เพื่อการเผชิญเหตุ เป็นสำคัญ
hotspot เฉยๆ ไม่ต้องเอามาเป็น สรณะ กอดจนกลายเป็นหลักการใหญ่ จนลืมบริหารผลกระทบที่เป็นสิ่งสำคัญลำดับแรกของปฏิบัติการ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่า hotspot หรือ burned scars ต่างก็มีข้อจำกัดของเทคโนโลยี มันไม่ฉลาดดูปั๊บคำนวนได้เลยว่าไหม้กี่ไร่ มันก็มีพลาดบ้างแหละ คนที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้จะเพ่งแต่จุดอ่อน มันไม่ตรงๆๆๆ อ้าวแล้วไง โยนทิ้งไม่ต้องใช้รึไง ของพวกนี้มีประโยชน์ในการช่วยปฏิบัติงาน เข้าใจคุณประโยชน์และข้อจำกัด เอามาเป็นมาตรวัดผลในระดับหนึ่ง ควบคู่กับการวัดด้านอื่นด้วย
เหนืออื่นใดคือการบริหารผลกระทบต่อสังคม นี่ล่ะหัวใจของวิกฤต ฝุ่นควันไฟก่อให้เกิดผลกระทบ มันจึงกลายเป็นวิกฤต หลายภาคส่วนลืมเรื่องนี้ คุยไปคุยมากับฝ่ายนี้ฝ่ายนั้น ตัดประชาชนคนรับกรรมออกไปจากสมการเฉย
เฟซบุ๊ค 24 พ.ค. 2567
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น