วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2558
ทางเลือกที่ 3: นักการเมือง- ถอย
ทางเลือกที่ 3 คือทางที่พวกท่านต้องเลือกเอา จะยอมอยู่กับฝ่ายประชาชนจริงๆ หรือจะอยู่กันแบบเดิม.. คือแบบที่เคยทำการเมืองกันมา.อย่างไรก็อย่างนั้น
บอกไว้เลยนะ การที่พะนะทั่นอภิสิทธิ์ จาตุรนต์ พิเชษฐ์ เขยซีพี ลงไปถึงพวกแกนนำม็อบเปลือกประชาธิปไตย อึ่งอ่างคางคก ออกมาประกาศจะคว่ำโหวต ไม่เอารัฐธรรมนูญเพราะมันเป็นเผด็จการ เที่ยวเชิญชวนประชาชนให้เข้าร่วม...
ขอบอกเลยว่าผมคนนึงล่ะไม่คิดจะเดินตามหลังพวกคุณแม้แต่น้อย
ถ้าเดินผ่านหน้าบ้านจะตะโกน ..ไปให้พ้นๆ เลยไป๊
เพราะการคว่ำโหวตล้มร่างรัฐธรรมนูญนี้ ผู้ที่จะได้ประโยชน์สูงสุดคือพวกนักการเมืองอิลีตนักปกครองหน้าเดิมกลุ่มเดิมที่เคยผลัดกันผูกขาดอำนาจกันมา..
แล้วยังไง? เอารัฐธรรมนูญแบบปี 40 มาใช้เพื่อให้มีบรรษัทพรรคการเมืองใหญ่ครอบงำ ไม่เห็นหัวประชาชนเหมือนเดิม หรือรัฐธรรมนูญปี 50 ที่ยังอนุญาตให้บิ๊กบอสมามีอำนาจเหนือส.ส.ลูกกะเป๋งของตัวเอง สั่งให้ซ้ายก็ซ้าย ขวาก็ขวา สั่งให้แม่งยกมือโหวตตอนตีสี่ก็ยังทำตามเหมือนทาส
สิ่งที่ประชาชนอย่างผมต้องการจริงๆ คือ ◘การเมืองแบบใหม่ ที่ไม่ใช่แบบเดิม คือแบบก่อนหน้าปี 2557 แล้วก็ไม่ใช่แบบที่ ◘ร่าง 2558 เสนอมาสุดโต่งขนาดให้มีบิ๊กบราเธอร์โปลิตบุโรมาคุมอีก 5 ปี
ประชาชนต้องการอำนาจมากขึ้น อย่างน้อยก็มีพลังที่จะคุ้มครองตัวเองจากนักปล้น พวกคุณอยู่ข้างบน ไม่เคยเจอเรื่องเล็กๆ ประจำวัน อบต.ทำถนนไม่ครบ ขอตรวจก็ตรวจไม่ได้ จะเสนอหน้าก็ไม่ปลอดภัย ที่อยากได้คือ กฎหมายอะไรก็ได้ให้ประกาศรายละเอียดโครงการก่อสร้างนี้ออกมาชัดๆ เพื่อให้ชาวบ้านรู้ อาจจะผ่านกลไกสภาพลเมือง หรือกฎหมายบังคับให้อบต.นั้นเปิดข้อมูลเองโดยอัตโนมัติ
พวกคุณไม่เคยเป็นประชาชนตัวเล็กๆ ที่คัดค้านโครงการก่อสร้างทางยกระดับที่ออกแบบผิดทิศ ยิ่งสร้างไปไม่ได้แก้ปัญหารถติด คัดค้านยังไงก็ไม่เป็นผล พวกคุณไม่เคยเจอท่าทียะโสโอหังของไอ้อำมาตย์การเมืองที่มาชี้นิ้วเอาป่าอุทยานแห่งชาติเป็นพันๆ ไร่ ไปสร้างโครงการใหญ่รวมๆ กันเกือบหมื่นล้าน แล้วก็เจ๊งไม่มีรายได้อยู่ทุกวันนี้ ทำผิดกฎหมายไม่มีใครกล้าหือ ไปขอข้อมูลแม่งมองหน้าอย่างกะประชาชนเป็นมดปลวก สะเออะขอมา กูไม่ให้มีอะไรมั้ย... พวกคุณไม่เคยจู่ๆ ถูกเวนคืนโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่งจะสร้างโครงการเหี้ยอะไร ฯลฯ
อำนาจที่เพิ่มขึ้นมาของประชาชน ให้ดุลการต่อรองของประชาชนมีเพิ่มขึ้น รัฐจะทำอะไรต้องบอก ต้องทำ EHIA ต้องมีการประชาพิจารณ์ ฯลฯ เรื่องแบบนี้นักการเมืองอย่างพวกคุณไม่เคยเอ่ยมาสักแอะ ว่าดีๆๆๆ เราเห็นด้วย
เอาแต่ชวนให้ประชาชนยกมือโหวตตามที่ตัวเองต้องการ ให้ตัวเองได้ประโยชน์สุด ไม่มองที่ประชาชนได้ประโยชน์
ถ้าสมมติว่าร่างรธน.นี้ผ่านออกไปจริงๆ มันเป็นฝันร้ายของนักการเมืองแหละครับ แต่สำหรับประชาชน มันก็ฝันร้ายเดิมๆ เซมๆ แค่เปลี่ยนผู้นำหน้าใหม่ เมื่อก่อนมีประชาธิปไตยแต่เปลือก มายุคใหม่ก็มีเผด็จการเป็นเปลือกประชาธิปไตย ก็ไม่ได้ต่างกันนักในเนื้อหาสาระ ยกเว้นอย่างเดียว คือพอมีสิทธิ์มีเสียงในการปกป้องตัวเองในเรื่องราวประจำวัน หรือเรื่องที่จะมากระทบตัวเองได้มากขึ้น ใครจะได้สัมปทานเหมืองทองคำ โปแตส หรือแม้กระทั่งปิโตรเลียมทำแฟรกชั่นอะไร ต้องผ่านด่านกฎหมายใหม่อยู่พอสมควร
แต่แน่นอนล่ะ ประชาชนไม่ได้ใหญ่จริง เพราะมีอำนาจใหญ่กว่านั่นคือฝ่ายอำมาตย์ราชการประจำที่จะใหญ่กว่า เป็นขั้วอำนาจหลักของผู้ปกครอง
ถ้านักการเมืองมองเห็นทางออก นักการเมืองต้องยอมถอยลงมา ยอมรับว่าแต่ก่อนไม่เห็นหัวประชาชน นักการเมืองก็มาร่วมกับประชาชนซะ ยอมเสียสละ แล้วมาบุกเบิกสร้างภูมิศาสตร์การเมืองแบบใหม่ร่วมกัน.... เพราะทางออกไม่ใช่ไม่มีเอาเสียเลย
แนวโน้มใหญ่ของระบอบการเมืองแบบอำมาตยาฯ ก็ยังเป็นเช่นเดิมคือรวมศูนย์อำนาจ ต่อให้มีบทบัญญัติให้กระจายอำนาจในร่างรธน.และให้มีกม.ประกอบร่างฯ แต่คงจะเป็นลักษณะให้มีก็มีไป สวยๆเท่ๆ ...เหมือนรธน.2540 ที่เขียนไว้สวยเรื่องกระจายอำนาจ ขนาดมีพรบ.แผนและขั้นตอนฯ ออกมา ปรากฏว่า เหลว ไม่เป็นตามแผนสักนิด เพราะทักษิณกับระบบราชการนั่นล่ะที่ฉีกมันทิ้ง แต่อย่างไรก็ตาม มันก็เปิดช่องไว้ สมมติหากท้องถิ่นไหนแข็งแรงจริงๆ โตได้จริงๆ มันก็จะผงาดขึ้นมาท้าทายระบบรวมศูนย์อำนาจส่วนกลาง
ถ้านักการเมือง พรรคการเมืองมองเห็นสภาพสมรภูมิที่กำลังเปลี่ยนไป ก็จงตัดสินใจให้เด็ดขาด ลงมาเล่นกับสนามท้องถิ่น มุ่งสู่ยุทธศาสตร์กระจายอำนาจซะ ยอมสละใหญ่ มากินเล็ก แล้วก็คงไม่ได้กินง่ายๆ แล้วล่ะครับ กม.ใหม่เพิ่มอำนาจประชาชน เพิ่มขั้นตอนตรวจสอบมากขึ้น ซื้อซีซีทีวีฮาร์ดดิสก์แบบกทม.นี่คุกเห็นๆ แน่นอน แต่อย่างน้อยนักการเมืองและพรรคการเมืองจะมีที่ยืน
แนวโน้มของโลกอนาคต ในท่ามกลางประชาชนที่เข้มแข็งมากขึ้น รู้ทันขึ้นเรื่อยๆ การรวมศูนย์อยู่ไม่ได้หรอก จะอยู่ได้อย่างไร มีนายพลเป็นพันๆ กระจุกอยู่ตรงกลาง อธิบดีแล้วก็คนมากมายนั่งอยู่ที่กระทรวงกุมอำนาจตัดสินใจไว้ตรงนั้นได้ไม่นานหรอก เพราะโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว
ทางเลือกที่สาม ก็คือ นักการเมืองยอมถอย อย่างน้อยก็ต้องเอ่ยคำพูดอื่นๆ ออกมานอกเหนือจากรัฐธรรมนูญเผด็จการต้องคว่ำๆๆ ไม่พูดคำอื่นเลย...อีแบบนี้คนเขาอดคิดไม่ได้ว่า ให้คว่ำเพื่อจะหยิบกติกาเดิมๆ ที่ให้นักการเมืองขี่คอประชาชนกลับมาใช้อีกล่ะสิ
ทางเลือกนี้ คือเล็งเห็นแล้วว่าต่อให้โหวตล้มรอบนี้ ก็จะมีการต่ออายุร่างใหม่ แล้วสมมติร่างออกมาไม่พอใจนักการเมืองอีก จะเรียกประชาชนล้มอีกนะรึ...จะกวักมือเรียกยังไงก็เหอะ แต่หากแนวโน้มมันนำไปสู่สภาพจลาจลประท้วงไม่ปกติอีก ชาวบ้านเขาไม่เอากับพวกคุณแล้วหรอก สภาพเศรษฐกิจแบบนี้ สังคมโลกที่กำลังป่วนเขาจะรบกันแหล่ไม่รบแหล่แบบนี้
ที่สุด นักการเมืองก็ไม่ได้อำนาจหรอก เพราะจะไม่มีพฤษภาทมิฬอีกรอบหรอก
นักการเมืองกลับไปคิดใหม่ ยอมรับความคิดประชาชนเป็นใหญ่ แล้วกลับมาสู้เรื่องกระจายอำนาจ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ มีพื้นที่การเมืองใหม่ๆ อีกมากมายอย่างน้อยก็ 77 จังหวัดที่พร้อมจะพุ่งทะยาน ไม่ใช่เพดานงบประมาณเดิมๆ หากเป็นจังหวัดที่รับโอนอำนาจงบประมาณทรัพยากรเพิ่มขึ้น
สู้กับระบบอำมาตยาฯรวมศูนย์อำนาจ ต้องสู้ด้วยการกระจายอำนาจ
แต่ปัญหาก็คือ นักการเมืองไทยเราเคยชินกับระบบรวมศูนย์มาแต่ไหนแต่ไร ข้อเสนอนี้ มันก็เป็นข้อเสนอเท่ๆ เหมือนข้อ 1 ที่ให้ ผู้มีอำนาจยอมเสียสละนั่นแล...แฮ่ๆ ฯ
นี่คือ ทางเลือกสายที่ 3
บัณรส บัวคลี่
4 ก.ย.2558
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น