ทางเลือกที่ 2 ☻ โหวตโน
แนวโน้มของกระแสสังคมไทยเรา หมุนกลับมาสู่วงจรเดิมๆ ก็คือ พวกหนึ่งแค่ดีดนิ้วส่งซิก บอกว่าค้านให้ถึงที่สุด ถ้ามติสปช.ผ่านก็จะปลุกประชาชนไม่เอาด้วย ส่วนอีกพวกก็ออกมาแถลงเนิบๆ นิ่มๆ บอกว่ารัฐธรรมนูญ "ดีพอ" ที่จะโหวตรับ ไอ้ "ดีพอ" ที่ว่านั้น แปลว่าอะไรไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คือห้ามผวน(ฮา) .... แปลอีกทีว่า จะอ่านหรือไม่อ่านไม่ต้องสนใจ หัวขบวนบอกดี ก็รับๆ ไปเหอะ!!!
มันเป็นสองสุดคนละขั้วที่เหมือนกันเด๊ะ!
น้่นก็คือ... ไม่ต้องมีหรอก การใคร่ครวญเหตุผล ชั่งน้ำหนักด้วยตัวเอง....ไม่ต้องเสียสมองเปลืองปากมาอธิบายด้วยว่า มันไม่ดีน่ะ ไม่ดีอย่างไร ปั๊ดธ่อ! สรรพสิ่งแต่ละอย่างมันก็มีจุดดีของมันอยู่บ้าง รัฐธรรมนูญเอี้ยก้วยอะไรวะ ไม่มีดีสักบรรทัดเชียวรึ!! อีกฟากก็เช่นกัน รัฐธรรมนูญดีพอ นี่มันยังไง ไอ้ที่พอๆ น่ะ ช่วยอรรถาธิบายหน่อยได้มั้ย?
ประชาชนเป็นอย่างไร...การเมืองก็เป็นอย่างนั้น
ประชาชนมีนิสัยไปเป็นโขลงๆ การเมืองก็ย่อมเป็นการเมืองแบบโขลงๆ เช่นเดียวกัน!
ที่จริงก็น่าเห็นใจนักการเมืองอาชีพเขาแหละ ไม่ว่าพรรคเก่าแต่เมาค้าง หรือพรรคลิ่วล้อบิ๊กบอส เพราะร่างรัฐธรรมนูญนี้น่ะ เป็นฉบับพิฆาตนักการเมืองโดยเฉพาะ ในบรรดาคน 65 ล้านที่ได้รับผลกระทบจากรัฐธรรมนูญกลุ่มแรก ก็คือ นักการเมืองอาชีพนี่แลฯ
เริ่มจาก คนจะสมัครส.ส.ได้ต้องแสดงรายละเอียดการยื่นภาษี 3 ปีต่อเนื่อง พอเข้าไปเป็นส.ส.แล้ว ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินอีก สมมติว่ามีส.ส.หนุ่มชื่อ นัด-วุด (นามสมมติ) ดันเกิดมีทรัพย์สมบัติมากมายรถหรูอีกต่างหากรวมแล้ว 50 ล้านขึ้น แต่หลักฐานการเสียภาษีย้อนหลังไม่แสดงว่ามีรายได้อะไร มันก็ผิดปกติ ปปช.ก็จะสอบ แล้วหากชี้แจงไม่ได้ ว่าเงินนี้น่ะที่แท้มาจากพร็อกซี่ บริษัทตั้งให้พี่น้องไปทำมาหากินแทน ที่จริงบริษัทโพ้มมม! เขาก็จะเชือดทิ้ง นาย นัด-วุด (นามสมมติ) ก็จะพ้นจากเป็นส.ส.แล้วรัฐธรรมนูญยังบอกอีกว่า ห้ามเสนอหน้าเข้าสู่การเมืองอีก เพราะมีคุณสมบัติต้องห้ามเสียแล้ว
ตายสิครับแบบนี้ เพราะส.ส.นักการเมืองและนักโกงเมืองไทยแม่งงง! ทำมาหาแดกจากธุรกิจหลบซ่อนแทบทั้งนั้น รายได้ส่วนใหญ่มาจากเส้นสายใต้โต๊ะก็ซวยอ่ะดิ นายที่จู่ๆ เป็นแกนนำอะไร ย้อนไปดูเมื่อก่อนยากจนข้นแค้นตอนนี้มั่งมีมหาศาล ถามว่าทำมาหากกินอะไร ... แกนนำคนนี้ก็ถูกห้ามเข้าสู่การเมืองเช่นกัน ... มันถึงออกมาต้านไงล่ะ
รัฐธรรมนูญนี้ออกแบบเพื่อบอนไซพรรคการเมืองผ่านระบบเลือกตั้งเยอรมัน ต่อให้มีคะแนนนิยมมากมายก็ได้ไม่เกินครึ่งสภา เพราะระบบออกแบบมาไม่ให้มีใครใหญ่เกินไป อันนี้เลียนแบบเยอรมันที่กลัวฮิตเลอร์กลับชาติมา ระบบแบบนี้ช้อดีก็มี เพราะการเมืองแบบเก่าไม่ได้สะท้อนความเป็นตัวแทนของกลุ่มคนแบบไหนอะไรเลย เลือกเข้าไปก็ไปเป็นทาสบิ๊กบอส ส่วนพรรคเก่าแก่ก็ไม่เคยมีชุดอุดมการณ์/แนวนโยบายแบบไหน สำหรับคนกลุ่มไหนอะไรเหมือนกัน ไม่เหมือนตปท.ที่พรรคการเมืองจะสะท้อนความเป็นตัวแทนของ Interested Group ออกมา.....
ร่างใหม่นี่ เอื้อให้กับ กลุ่มก้อนประชาชน Interested Group ต่างๆ เช่นกลุ่มเกษตรกรชาวสวนหากรวมตัวกันดีๆ มีที่นั่งแน่ ... ไปผลักดันนยบ.ช่วยเกษตรกรชาวสวนของตัวขึ้นมา / กลุ่มแท็กซี่ตุ๊กๆรถตู้รถเจ๊เกียว ก็ลองรวมตัวกันดูสิ เกิดนะครับ มีตัวแทนในสภาได้เช่นกัน แล้วไปผลักดันนยบ.ห้ามตำรวจไถวินออกมา /
บอนไซพรรคการเมืองใหญ่ - ส่งเสริมพรรค SMEs
ร่างนี้มีข้อบังคับยิบย่อยอีกนะ แบบว่าตัดทางทำมาหากินของพรรคการเมืองใหญ่ในแทบทุกทาง จะหากินในกรรมาธิการงบประมาณก็ไม่ได้ / จะแบ่งเค้กกรรมาธิการ ฮุบเอากลไกตรวจสอบภายในก็ไม่ได้ เพราะเขากำหนดว่ากมธ.ที่ตรวจสอบอำนาจน่ะให้ฝ่ายค้านรับไป / แล้วๆๆ การใช้อำนาจเดิมๆ ประเภทโยกย้ายข้าราชการเขาก็เขียนไว้อีกว่า ให้มีกม.บัญญัติใหม่ ห้ามนักการเมืองเสือกล้วงลูก อ้าว ตายห่าล่ะสิ เรียกเงินจากโยกย้ายเอาคนของตัวไปนั่งในจังหวัดไม่ได้ (ยกเว้นตำรวจ ฮาๆ ที่รธน.ไม่ได้บอกไว้)
แล้วกลไกตรวจสอบนะ ยิบๆ เลย ..ขยับผิดเป็นถูกเขกหัว ไม่ขอเอ่ยแล้ว เอาเป็นว่า ถ้าคิดจะเป็นนักการเมืองลงสมัครเลือกตั้งเข้าสภาเพื่อใช้อำนาจบริหารน่ะ มันเหนื่อย ...
ร่างแบบนี้ มักจะเป็นที่พอใจของเหล่าชาวฮาร์ดคอร์ เอาเล้่ย...เอาเลย เหยียบมันให้จม แต่นั่นแหละครับ อะไรที่มันไปจนสุดทาง สุดเกจ์ มันก็จะนำมาซึ่งผลปฏิกริยาทางลบอยู่เหมือนกัน
เพราะแม้จะไปมัดมือมัดเท้าไม่ให้โกงกินแบบเดิมๆ ตบเกรียน ตบกร่างได้ก็จริง แต่มันก็จะไปสกัดพัฒนาการทางการเมืองของระบบพรรคการเมืองไปเสีย !
เช่นการบังคับให้พรรคการเมืองต้องทำไพรมารี่ หยั่งเสียงคะแนนภายในในการส่งคนลงสมัคร (นัยว่าป้องกันขาใหญ่หรือนายทุนพรรคกำหนด) ระบบแบบนี้ มันบังคับได้ แต่พรรคการเมืองจะไม่มีใครเกิดเลย เพราะไม่เคยมีฐานสมาชิกให้เกิดการหยั่งเสียงกัน ไพรมารี่นั้น ที่ถูกมันต้องเกิดจากพัฒนาการแบบค่อยเป็นค่อยไป ให้เกิดตามธรรมชาติ ไม่ใช่ไปกำหนดสั่ง
ผมน่ะ เห็นด้วยที่ต้องมัดมือมัดเท้า เอายันต์ไปแปะหน้าผาก พรรคการเมืองและนักการเมืองไม่ให้กร่างสวาปามแบบเดิมๆ อย่างน้อยต้องแก้ปัญหานายทุนบิ๊กบอสมากำหนดให้พรรคกลายเป็นบริษัทส่วนตัว แต่ก็ไม่ใช่ มัดตราสังข์ก็แล้ว ยังเอา ไม้ตอกอก เอาตะปูตรึงขา ตอกฝาโลงซ้ำ ...กะไม่ให้ผุดเกิดเลย
โครงสร้างการเมืองแบบนี้ มันจะเป็นโครงสร้างที่ไม่สมดุลพลิกกลับ
คือเมื่อก่อนฝ่ายทุนและฝ่ายการเมืองหนักเกินไป ...มารอบนี้ เบาเกินไปจนไร้ราคา พวกชนชั้นสูงเทคโนแครตฝ่ายประจำที่กุมอำนาจผ่านส.ว./องค์กรอิสระและระบบราชการที่ปลอดจากฝ่ายบริหารมาสั่งซ้ายขวาหัน จะกลายเป็นขั้วอำนาจใหญ่ที่สุด
แล้วก็จะเป็นปัญหาเหมือนกัน กรณี ปตท. กรณีเหมืองทองคำ เหมืองโปแตส ระบบตำรวจ ทุนใหญ่ร่วมกับอำมาตย์ฟาดเรียบ ก็ยังจะเกิดอยู่ดี
ในท่ามกลางที่เกิดขั้วความคิด รัฐธรรมนูญแย่สุดเราไม่เอาที่ปลุกโดยนักการเมือง กับอีกฟากรัฐธรรมนูญดีพอที่จะรับซึ่งถูกปลุกโดยอดีตนักการเมืองฝ่ายผู้มีอำนาจปัจจุบัน ...มันเหมือนเขาควาย กระหนาบอยู่
คนเสียงเล็กๆ ที่อยากให้ดำรงจุดดีๆ ไว้ แต่ไม่เอาส่วนที่มากไป เช่น อยากให้มัดมือพรรคการเมืองไว้แหละ แต่อย่าให้ถึงตาย ขนาดฟื้นมาแล้วไม่โตอีกเลย แบบนี้ก็เกินไป
เสียงคนเล็กๆ อาจจะต้องหาทางออกด้วยการโหวตโน!
ส่งสัญญาณไปยังใครก็ตาม ว่ายังมีคนที่คิดแบบนี้ไม่ได้ตามเสียงนกหวีด หรือเสียงคางคกไปก็ยังมี
เสียงส่วนน้อยยังไงก็แพ้เขา แต่ก็ควรจะมีมิใช่รึ
นี่เป็น แนวทางเลือกที่ - 2
บัณรส บัวคลี่
2 กันยายน 2558
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น