วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
แขกมัวร์
รับการบ้านจากคุณ @Maschong Panichkul เรื่องแขกมัวร์
"ถามนะคะ. แล้วแขกมัวร์ นี่เป็นพวกมาจากไหน?"
ก็จะนำเสนอตามแบบผม คือ พยายามสรุป กระชับ เข้าใจง่ายแบบไม่เครียด และที่สำคัญต้องไม่เหมือนชาวบ้าน
คำว่า Moors นี่เป็นคำที่พวกฝรั่งยุโรปเรียกขานพวกมุสลิมที่ข้ามช่องแคบยิบรอลต้าเข้ามารุกรานครับ ฝรั่งรู้จักแขกอาหรับมาก่อน จึงเรียกชื่อให้ต่างออกไป
ที่จริงแล้วมุสลิมพื้นเมืองจากอาฟริกาเหนือ(ซึ่งรับศาสนานี้จากพวกอาหรับอีกทอด)ที่ข้ามทะเลมาเค้าไม่ได้เรียกตัวเองว่ามัวร์หรอก ฝรั่งมันเรียกของมันเอง...ก็คล้ายๆ คนไทยเรียกจีนยูนนานว่าฮ่อ แล้วคนจีนไม่รู้ด้วย ลื้อเรียกไค?
การทำความรู้จักมัวร์ให้ลึกซึ้ง เราต้องเข้าใจประวัติศาสตร์อิสลามสักเล็กน้อย คือศาสนาอิสลามกำเนิดในราว ค.ศ.632 แล้วก็เติบโตอย่างรวดเร็วมาก ไม่ถึง 100 ปีก็ขยายจากเมดินาห์ /เมกกะ ขึ้นไปทางเหนือไปถึงซีเรีย ตะวันออกไปถึงเปอร์เชีย แล้วก็ไกลไปอีกไปจดแดนจีนแถวๆ ซินเกียงที่อุยกูร์อยู่โน่นเลย มาทางตะวันตกก็ข้ามลงมาที่อียิปต์
พอราว ค.ศ.700 กว่าๆ อิทธิพลของอิสลามก็ไปไกลแล้วครับ ทางจีนก็ไปรบกับถังแถวๆ เอเชียกลาง จากเหตุในครั้งนั้นทำให้จีนไม่เคยได้ข้ามจากแอ่งทาริมมามีอิทธิพลเหนือดินแดนแถวนี้อีกเลย ยกเว้นก็แต่ในนิยายขุนศึกกู้บัลลังก์ของจิ่วถูนั่นล่ะ ที่ให้ตัวเอกมาเป็นผู้บัญชาการของดินแดนอันซี ซึ่งก็คือละแวกประเทศ 5 สถานในปัจจุบัน นอกจากนั้นอิสลามยังแผ่มาทางตะวันตกครอบคลุมเมดิเตอร์เรเนียนแล้วครับ
ในสมัยค.ศ. 700 กว่าๆ นี่ พวกเขาเริ่มมีอาณาจักรแยกกันหลายแห่ง ที่แบกแดดก็ราชวงศ์ ต่อมาก็แยกแถวเปอร์เชียไปเป็นชีอะห์อีก ลงทางอียิปต์ก็แยกไป แล้วมันก็มีตระกูลหนึ่งที่ยกชาวมุสลิมผิวคล้ำหน่อยเพราะเป็นพวกอาฟริกาข้ามช่องแคบยิบรอลต้า (แคบนิดเดียวดูแผนที่ตอนใต้ของสเปนสิครับ) ไปยึดสเปน โปรตุเกสไว้ แล้วก็ครอบครองเป็นอาณาจักรอิสลามอีกแห่งหนึ่งเบ็ดเสร็จ สเปนจึงเป็นประเทศที่มีโบสถ์บางแห่งเคยเป็นมัสยิดมาก่อนก็ด้วยเหตุนี้
กว่าพวกยุโรปจะค่อยๆ ชิงคืนมาได้ก็หลายร้อยปีหลังแล้ว เพราะหลังจาก ค.ศ.700 ไปจนถึงราว 1200 ยังเป็นยุคที่อิสลามเฟื่องฟู ยุโรปหงอยเหงา กว่าจะเริ่มค่อยๆ ฟื้นจากยุคมืดก็ค.ศ.1200 -1300 ล่วงไปแล้ว ค่อยๆ ทำสงครามสู้กับมัวร์ แขกอิสลามนั่นล่ะชิงเมืองมาได้ทีละเมืองสองเมือง ภาพยนตร์เรื่องเอลซิด จำได้ไหมครับ ที่ผูกพระเอกบนหลังม้ารบกันริมทะเลน่ะ ก็คือสงครามชิงแผ่นดินคืนจากพวกมัวร์นี่แหละ
จำไว้นะครับ ศัพท์คำว่า “มัวร์” นี่พวกยุโรปสถาปนาขึ้นเรียกเอง คนอิสลามท้องถิ่นไม่รู้ด้วย มึงเรียกอะไรกรู กรูไม่รุ...มัวร์นี่ บางตำราบอกว่าหมายถึง ดำ คือเรียกผิวของพวกที่มาว่าพวกดำ ศัพท์ๆ นี้ก็เผยแพร่ออกไปทั่วทั้งยุโรป ก็แหม เวลาเป็นหลายร้อยปี มันก็ต้องสื่อสารไปทั่วสิ มัวร์เลยติดปาก เลยเป็นประหนึ่งชื่อเผ่าๆ หนึ่งไปซะงั้น
แล้วมัวร์มาก็ถึงสยามอยุธยา จากนั้นมัวร์ก็มาเป็นตัวละครในหนังท่านมุ้ย
โปรตุเกส เป็นชาติแรกๆ ของยุโรป ที่เดินเรือเก่ง คนที่เดินเรืออ้อมกู๊ดโฮปคือโปรตุเกส อีกชาติก็สเปน ก็เพราะสองชาตินี้ได้รับอานิสงส์ความรู้ดาราศาสตร์/นาวิกศาสตร์การเดินเรือจากพวกอิสลามครับ คือฝรั่งเริ่มไล่อิสลามออกจากไอบีเรียทีละเมืองสองเมือง นับจากราวค.ศ.1200-1400 พอราวๆ อยุธยาเริ่มเป็นอาณาจักรดินแดนยุโรปเริ่มสว่างแล้ว พ้นจากยุคมืดแล้ว ส่วนอิสลามที่เคยรุ่งเรืองก็ถอยลง ยุโรปนั่นแหละที่รับเอาภูมิปัญญาความรู้ของอิสลามไปพลิกฟื้นตัวเองอยู่ไม่น้อย
ธ่อ...ตอนที่วาสโก ดา กามาแล่นเรืออ้อมแหลมน่ะ เขาไม่บอกว่าต้นหน นายท้าย คนนำทางไม่รู้คนไหน เป็นพวกอิสลามที่ชำนาญน่านน้ำมาก่อน แต่พวกยุโรปอุ๊บอิ๊บเอาความสำเร็จในการค้นพบอะไรเหล่านี้ไปซะ แย่งจีน แย่งแขกอิสลามไปเสียหมด ทั้งๆ ที่แขกอิสลาม กับจีนผิวเหลือง เขาเดินเรือเก่งกว่ามาก่อน
เมื่อก่อนน่ะสยามเราไม่รู้จักแขกมัวร์ ... รู้จักชื่อนี้ก็จนโปรตุเกสเป็นชาติแรกที่เดินเรือไปถึงอยุธยา เมื่อราว พ.ศ. 2054 (1511)ดูตัวเลขพ.ศ.ไว้นะครับ....ไทยเราเสียอยุธยา 2112 และพระนเรศประกาศอิสรภาพ 2127 คือหลังจากฝรั่งมังค่าแล่นสำเภามาติดต่อเราแล้วร่วม 50 ปี นานนะครับ นานพอที่อยุธยาจะรับเอาสินค้าใหม่ๆ จำพวกพระแสงปืนที่กระบอกยาวเหยียดแบกกันเมื่อยข้ามแม่น้ำสะโตง มีเกราะแบบฝรั่ง มีเครื่องเคราต่างๆ ทันสมัยทีเดียว ราชสำนักตองอูก็เช่นกันครับ เพราะประวัติศาสตร์เล่าว่าพระเจ้าตะเบงชะเวตี้ทรงดื่มไวน์ของโปรตุเกสซะเมาเละ และก็นานพอที่จะมีการติดต่อเดินทางของพวกอิสลามจากอาฟริกา คือพวกมัวร์มาแสวงโชค แบบเดียวกับพวกฝรั่งตื่นทองดินแดนตะวันออกนั่นแหละ
ดังนั้นชื่อแขกมัวร์ในโลกทัศน์ของสยามอยุธยาคือแขกประเภทหนึ่งที่ถืออิสลาม ชื่อเดิมอะไรไม่รู้แต่ฝรั่งเรียกมัวร์ กูก็มัวร์กะเขาด้วย และฝรั่งที่ว่าน่าจะเป็นโปรตุเกส เพราะโปรตุเกสมาก่อนชาติอื่นๆ ทำให้เราจำแนกแขกมัวร์ ที่ดำๆ มาจากอาฟริกา ออกจากแขกอาหรับ แขกมะหง่ลหรือแขกเจ้าเซนที่เป็นชีอะห์ แขกมลายู แขกอื่นๆ
แขกมัวร์ที่เอาภาพมาประกอบจากหนังท่านมุ้ย คือ ออกญาราชวังสัน ทำเนียบนาม/ราชทินนามนี้ มีจริงในประวัติศาสตร์ บ้างเขียน ราชบังสัน แสดงให้เห็นว่าสยามไทยเรานี่โกลบอลไลซ์คบหาแขกอิสลามเป็นตำแหน่งประจำในโครงสร้างกำลังพลของราชสำนัก ยิ่งยุคหลังที่กรมท่ามีความสำคัญ กรมท่าซ้ายดูแลจีน กรมท่าขวาคบกับแขก ราชทินนามของอำมาตย์จีน อำมาตย์แขก ก็ยิ่งเป็นที่ชัดขึ้น
อาจเป็นเพราะเพราะสยามเราอ้าแขนต้อนรับคนนานาชาติมาอยู่แต่โบร่ำโบราณ ไทยเราจึงไม่ค่อยมีปัญหากับแขกจีนจามลาวฝรั่ง ใครมาเราก็คบหาด้วยดี พอมายุคใหม่พวกเลยมากับตรึมเลย ทั้งโรฮิงยา อุยกูร์ จบ/

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น