วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2558
ความแตกแยกสงฆ์ นิกายเก่าใหม่ในพม่า
การแตกแยกของสงฆ์เป็นนิกายเก่านิกายใหม่นิกายประหลาดมีมาตลอดหลายยุคสมัย ที่พม่าก็เคยมี....
ราชวงศ์อลองพญา ซึ่งก็คือราชวงศ์สุดท้ายที่ยกมาตีอยุธยาแตกเรื่อยมาจนถึงสีป้อพม่าเสียเมือง เริ่มตั้งวงศ์ช่วงปลายอยุธยาบ้านเราโดยพระเจ้าอลองพญา แห่งหมู่บ้านฉ่วยโชโบ
ขอท้าวความสักเล็กน้อย.....สภาพการณ์ของอาณาจักรพม่ายุคนั้นเละตุ้มเป๊ะ พม่าร่วมเชื้อสายเจ้าฉานฝ่ายหนึ่งล่อกับมอญที่อยู่ทางตอนใต้ต่อเนื่องกันมา จนวงศ์เดิมล้มตายบ้านเมืองจลาจล เป็นโอกาสให้พระเจ้าอลองพญาที่เดิมเป็นแค่นายบ้านเท่านั้นรวบรวมกำลังตั้งตนเป็นกษัตริย์แล้วก็ปราบพม่าหงสา ตองอู อังวะ ฉาน ราบคาบ จากนั้นอีกแค่ 6-7 ปีก็ยกมาตีไทยแล้วก็สวรรคตระหว่างศึกดังที่ทราบกัน
ในเมื่อบ้านเมืองขุกเข็ญเป็นจลาจลสงฆ์ก็วุ่นไม่น้อย ตอนที่อลองพญาปราบดาขึ้นมา จึงปรากฏมีสงฆ์นิกาย นิกายใหม่แบ่งก็สองค่าย เอิ่มมมม...ตามประวัติศาสตร์หาได้บอกไม่ว่า นิกายไหนถือนิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา หรือว่าให้ทำบุญเยอะๆ จะได้เจอสตีฟจ๊อปอันนี้พงศาวดารก็ไม่ได้เขียนไว้
เอาเป็นว่าพระเจ้าอลองพญาจิ้มนิ้วไปที่นิกายใหม่ แล้วก็ตั้งสังฆราชจากนิกายใหม่นั้นขึ้นมา แต่เรื่องราวไม่ได้ยุติแค่นั้นขอรับ เพราะตราบใดที่อำนาจฝ่ายอาณาจักรไม่นิ่ง อำนาจศาสนจักรก็ย่อมไม่นิ่งตาม
พออลองพญาสวรรคตกลางศึกมาตีอยุธยา (ที่พงศาวดารไทยบอกปืนใหญ่แตกนั่นล่ะ) เขาก็ยกทัพกลับมา มีการเปลี่ยนกษัตริย์มาเป็นมังลอก จากมังลอกเปลี่ยนมาเป็นมังระ ซึ่งองค์มังระนี่ล่ะที่ตีอยุธยาแตก สภาพบ้านเมืองเป็นรัฐทหารนิยมสงครามกษัตริย์ไม่ได้สนใจสงฆ์ เจ้าสองนิกายที่แยกกันมาก็ตีกันอีกตามฟอร์ม
ร่วมๆ 20 ปีผ่านไปแน่ะครับ ที่สองนิกายพม่าใหม่เก่าล่อกัน ชนก็แบ่งเป็นสองฝ่าย เอาไงดี เพราะฝ่ายอาณาจักรก็ไม่ชี้ชัดอะไร
กษัตริย์องค์ต่อจากมังระ พระเจ้าช้างเผือก เซงพยูเช็ง ชื่อว่า พระเจ้าเซงกูเมง (พยายามสะกดคำน่าจะมาจากคำ สิ+ฎ+กู+เมง ไม่น่าใช่เซ็งกูแม่งแน่นอน ) เลยพลิกมติไปรับนิกายเดิมยกมาเป็นหลัก และให้เป็นสังฆราชแทน นัยว่าอำมาตย์ข้าราชการและสำนักพุทธในยุคนั้น เข้าข้างนิกายเดิมเลยรายงานเพ็ดทูลให้เลือกข้างนี้
เรื่องมันสนุกตรงที่กษัตริย์องค์ต่อมาที่รับช่วงการแก้ปัญหาชื่อว่าพระเจ้าปดุง กษัตริย์องค์นี้ทรงเพี้ยนๆ บ้าๆ บอๆ ครับอันนี้ประวัติศาสตร์ทั้งฝรั่งและพม่าระบุไว้ค่อนข้างตรงกัน นักประวัติศาสตร์ชื่อไมเคิล ซิมส์ วิจารณ์กษัตริย์องค์นี้ว่า มีความคิดเป็นทารก มีหลักการเป็นทรราช มีการแสดงออกเป็นวิกลจริต อูยย์ แรว็งมั่กพะย่ะค่ะ
ก็เดือดร้อนสิครับ เพราะเหตุที่ต้องการให้สงฆ์ปรองดอง ยุบรวมนิกายเก่าใหม่ให้เป็นแบบเก่าหมด การครองผ้า การเดินบิณฑบาตร การธุดงค์ (เอ้...ประวัติศาสตร์ก็ไม่บอกว่าแบบไหนที่เดินผ่ากลางเมือง) เพื่อให้เป็นแบบเดียวกัน
ก็เกิดพระสงฆ์พม่าประท้วงขึ้น ไม่ทำตามแนวทางแก้ปัญหาของฝ่ายอาณาจักร พอมีสงฆ์หือขึ้นมาฝ่ายบ้านเมืองไม่สนใจ จับสึกสิครับ แถมให้คุมตัวประจานผ่านร้านตลาดอีกต่างหาก
ความที่ทรงเพี้ยนๆ นี่ทำให้ทรงจัดการความขัดแย้งของสงฆ์ได้ราบคาบทีเดียว แบบว่าเลิกทะเลาะแบ่งสีกันเลย ใครไม่ทำตามจับสึกแห่ตระเวณ จากนั้นก็ลดอำนาจสังฆราชลงมาตั้งสภาสงฆ์ให้ร่วมกันปกครอง
มองย้อนไปดูพม่า แหมๆๆ ... ได้ความคิดประการหนึ่ง คือการจัดการสงฆ์ในแต่ละยุคสมัยให้เรียบร้อยขึ้นมาใช้เฉพาะพระธรรมวินัยให้ไปบังคับปกครองกันเองมันไม่เรียบเด็ดขาด ต้องใช้อำนาจของฝ่ายอาณาจักรลงไปจัดการ แต่อย่างไรก็ตามอำนาจของอาณาจักรนั้นมันก็ต้องดูด้วยว่าถูกต้องเหมาะสมหรือเกรียนขนาดไหนด้วย อันนี้แค่ยกเรื่องราวพม่ามาแค่สังเขป - อาเมน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น