Aryan Civil War / Mahabharata Code
Chapter 4: รามายณะ กับ มหาภารตะยุทธ์ เหตุการณ์ใดเกิดก่อน
รามายณะ กับ มหาภารตะยุทธ์ เหตุการณ์ใดเกิดก่อน?
มามโนกันต่อนะพี่น้อง.....หัวข้อนี้คุณ Somphol Harikul ถามมาก็เลยขออธิบายตอบเป็นบทใหม่ไปเลยเพราะว่าไปแล้วมันเกี่ยวข้องกับการทำความเข้าใจ “สงครามกลางเมืองของเหล่าอารยัน” อยู่ไม่น้อย
ถ้าจะตอบตามอักษรหรือจากคัมภีร์ง่ายมากรามเกียรติ์เกิดก่อน... โดยคำตอบอยู่ที่ “ทศาวตาร" หรือนารายณ์สิบปางแหละครับ
พระนารายณ์อวตารมาเป็นพระรามในปางที่เจ็ด เรียกว่า รามาวตาร ไปปราบทศกัณฑ์
ส่วนปางที่แปด นารายณ์อวตารมาเป็นพระกฤษณะ เรียกว่า กฤษณาวตาร ในเรื่องมหาภารตะ
ถ้าตอบแค่นี้ก็จบ..เพราะยึด “อักษร” คัมภีร์เป็นหลัก มหาภารตะยุทธ์เกิดหลัง !
แต่วิธีการตีความกาพย์ของข้าพเจ้าไม่ได้ยึดหลักนี้ จะขออธิบายจากมุมอารยธรรมการเมืองการปกครอง
การ “มโน” อย่างเพริศแพร้วเพื่อตีความสงครามกลางเมืองอารยันที่เขียนมาเป็นตอนๆ รอบนี้ เพราะความเชื่อว่าเมื่อ 3 พันปีก่อนพวกอารยันที่ครองอินเดียแบ่งพวก "รบกันจริงๆ" ไม่ใช่เรื่องวรรณคตีเขียนขึ้นเอาม่วน...
แต่แม้จะเป็นเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ ก็ไม่มีหลักฐานสำคัญเขียนไว้ชัดจำต้องถอดรหัสเอาจากวรรณกรรมเอาเอง
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าประวัติศาสตร์อินเดียโบราณที่แบ่งเป็นยุคๆ เสียก่อน...ยุคแรกสุดคืออารยธรรมสินธุ จากนั้นเป็นยุคพระเวทย์ แล้วค่อยมาสู่ยุคที่ตรงกับการก่อกำเนิดของพุทธศาสนาเมื่อ 2500 กว่าปีก่อนบางสำนักเรียกว่ายุค(เขียน)มหากาพย์
ยุคพระเวทย์คือยุคที่อารยันพวกหน้ารูปไข่ ขยายตัวมาจากทางเอเชียไมเนอร์บุกเข้าแทนที่ชนพื้นเมืองเดิม ต่อสู้ขับไล่พวกหน้ากร้อหน้าสั้นตัวดำลงทะเลไป ยุคนี้เป็นสมัยที่อารยันอยู่เป็นกลุ่มเป็นเผ่า เป็นเมืองเล็กๆ ไม่ซับซ้อน และเป็นช่วงที่ "เริ่ม" ก่อเกิดศาสนาพราหมณ์ขึ้นมา
เหตุการณ์ที่อารยันไล่ยักษ์กรุงลงกาเกิดในยุค “พระเวทย์” นี้แหละ แต่เขาไปเขียนในยุคหลัง....คือเอาไปเขียนเชิดชูอารยันด้วยกันเอาในยุคมหากาพย์ก่อนหน้าพระพุทธเจ้าไม่นานราว 200-400 ปี เป็นยุคที่อารยันได้ครอบครองแผ่นดินโดยสมบูรณ์ พราหมณ์ตั้งหลักมั่นแล้ว
อันนี้อธิบายตามหลักการของการสร้างบ้านแปงเมือง พัฒนาการทางประวัติศาสตร์โดยสามัญสำนึกปกติ
แนวคิดของข้าพเจ้าไม่ได้ยึด “ถ้อยคำตามมหากาพย์” เน้นการมโนตีความ ดังนั้นท่านต้องเข้าใจก่อนว่าอ่านเอาเพลินๆ บางประเด็นไม่ตรงกับที่เชื่อ
ข้าพเจ้ามองว่า อรชุนเองก็ไม่ได้เป็นพระเอกอะไร แค่รบเก่งเป็นตัวแทนของกษัตริย์ แต่ที่ร้ายกาจกว่ามาแบบเนียนๆ ก็คือกฤษณะต่างหาก เพราะกฤษณะเป็นนายหน้าของอำนาจทางศาสนาพราหมณ์ที่จ้องเขมือบแผ่นดินอินเดียในระหว่างนั้น
อารยันกษัตริย์ไล่ชนพื้นเมืองไป ชัยชนะถูกเขียนในรามายณะ
ส่วนพราหมณ์กำหนดรูปแบบสังคมอินเดียยุคใหม่ ทำสงครามกลางเมืองเพื่อสถาปนาโครงสร้างใหม่ ฝ่ายปาณฑพอยู่กับฝ่ายปฏิรูป ชัยชนะของพราหมณ์ถูกเขียนไว้ในมหาภารตะ
หลังจากการสงครามใหญ่ครั้งนั้นศาสนาพราหมณ์ได้ปักหลักในอินเดียโบราณอย่างมั่นคง ลึกลงไปในจิตวิญญาณผู้คน
สมัยนั้นเวลาจัดลำดับความสำคัญตามวรรณะ พราหมณ์มาก่อนกษัตริย์เสียอีก !
พราหมณ์กำกับดูบรรทัดฐาน/ กฎกติกา/วัฒนธรรม ส่วนกษัตริย์กำกับดูแล ราชวังและการปกครอง ...แยกอำนาจกันไปเสวยสุขของคนสองพวก
ข้าพเจ้าตีความว่า การสงครามใหญ่ครั้งนั้นไม่ใช่การแย่งอำนาจกันในกลุ่มอารยันเท่านั้น แต่เป็นการจัดระเบียบโครงสร้างสังคมอินเดียครั้งใหญ่จากยุคชนเผ่า เลี้ยงสัตว์ไม่ซับซ้อน สู่ยุคนครรัฐที่ซับซ้อนขึ้น
พระนารายณ์ พระอัคนี พระอินทร์พ่อของอรชุน ฯลฯ เป็นตัวแทนความคิดของฝ่ายศาสนา ที่แท้ก็คือกองกำลังฝ่ายศาสนาที่มาร่วมรบกับปาณฑพ โดยมีกฤษณะเป็นนายหน้า
กฤษณะเลยมาท่องภควัทคีตา ปรัชญาหัวใจพราหมณ์ อภิปรัชญาแน่แท้ให้อรชุนฟัง ว่า ไม่ต้องไปยึดหลักการอื่นใดแล้ว...ศรัทธาในหลักการนี้ ท่านจะขึ้นสวรรค์ได้ชัยชนะเอง
ศาสนาพราหมณ์สำคัญมากเพราะกำหนดบทบาทหน้าที่ของคนไว้แต่แรก ใครมี Function อะไรตรงไหนในโครงสร้างสังคม มึงเป็นศูทร มึงเป็น แพศย์ อย่าเสนอล้ำมายังวรรณะอื่น
อ่า...ลืมไป "วรรณะ" แปลว่า "สี" นะครับ
อินเดียแบ่งสีกันมาหลายพันปีแล้วอย่างน้อยก็แบ่งอย่างมั่นคงก่อนพระพุทธเจ้าเกิด
การสงครามใหญ่ของอารยันไม่ใช่การแย่งอำนาจระหว่างเการพ กับ ปาณฑพ อย่างเดียว เพราะเนื้อแท้เป็นการปฏิรูปโครงสร้างสังคมครั้งใหญ่ผ่านศาสนา และศาสนาที่มากำหนดชนชั้นหน้าที่คนก็มีผลต่อการจัดรูปสังคมและการปกครองได้ง่ายและมั่นคงพร้อมกันไปด้วย .
ป.ล. จู่ๆ อยากเอ่ยเรื่องจานบิน เพราะนึกขึ้นได้ว่า ไอ้ลัทธิจานบิน ปรัชญาของมันคือพราหมณ์ชัดๆ /
นึกๆแล้ว..หากแบ่งฝ่ายสงครามกลางเมืองกันใหม่ ให้แม้วเป็นอรชุน นะจ๊ะห่มเหลืองเป็นกฤษณะ ถ้าเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นแล้วฝ่ายแม้วชนะ ดีไม่ดีสยามทวีปแห่งนี้จะถูกปฏิรูปใหญ่โครงสร้างความเชื่อ ศาสนาและปรัชญาความเชื่อครั้งใหญ่จากพุทธไปสู่พราหมณ์ปนทุน
ลัทธิพราหมณ์ปนทุน เกี่ยวอะไรกับมหาภารตะ (ฟระ) อันนี้ค่อยมามโนกันต่อ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น