วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

กำนันสุเทพ



กำนันสุเทพ


คนสุราษฏร์ฝั่งบ้านดอน กาญจนดิษฐ์และพื้นที่ส่วนใหญ่เรียก “นายสุเทพ” ส่วนพวกที่เรียกกำนันติดปากคือละแวกพุนพิน นาเดิม อาจเลยไปถึงเคียนซา คีรีรัฐ คนแถวบ้านมีสรรพนามเรียกนักการเมืองว่า “นาย” กันทั้งนั้น นายสุเทพ นายบัญญัติ นายชวน

เวลาพูดถึงนักการเมืองจากสุราษฏร์โฟกัสมักจะจับที่นายบัญญัติก่อนเพราะแก่กว่าเกิด 2485 ส่วนนายสุเทพเกิด 2492 เลือกตั้ง 22 นายบัญญัติได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว สุเทพเพิ่งสลัดเสื้อกำนันเป็นส.ส.สมัยแรก ตอนเกิดเรื่องสปก.4-01 บัญญัติเป็นรองนายกฯ สุเทพเพิ่งเป็นรมช. เพิ่งจะขึ้นชั้นว่าการเมื่อปี 40 หลังจากนั้นก็โดดเด่นเป็นดาวฤกษ์ใหญ่มีแสงสว่างมากขึ้นทุกทีเรื่อยมา

เมื่อก่อนสุราษฏร์แบ่งเขตใหญ่เป็น 2 เขต เขต 1 อ.เมือง กาญจนดิษฐ์ ดอนสัก เกาะสมุย นาสาร มาทางตะวันออก/ใต้ นี่นายบัญญัติคุม เมื่อก่อนมี ส.ส. 3 คน ส่วนเขต 2 พุนพิน ท่าฉาง ไชยา ท่าชนะ คีรีรัฐ นี่มีส.ส. 2 คน ช่วงแรก ๆ ประชาธิปัตย์ไม่แข็ง มีแต่สุเทพนี่แหละที่ผูกขาดไว้ อีกคนคือ ภิญญา ช่วยปลอด กิจสังคม บารมีของนายสุเทพระยะหลังทำให้ประชาธิปัตย์กินเขต 2เดิมข้ามมาเขต 3 กลายเป็นพยัคฆ์เบอร์ 1 ของสุราษฏร์เต็มตัวแทนเสือเฒ่าถอดเล็บอย่างนายบัญญัติโดยปริยาย

ตอนนายสุเทพจบนอกกลับมาอายุ 26 ปี เป็นกำนันแทนพ่อ กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ในยุคนั้น แต่นั่นแหละ บ่อกรัง-ท่าสะท้อนมันไกลปืนเที่ยง (บ้านบ่อกรังลูกรังกระเด็นกระดอนเพิ่งจะมาลาดยางจริงๆ ราวปี 2530 กระมัง) แล้วก็เป็นส.ส.ครั้งแรกปี 2522 ในอีก 4 ปีถัดมา ถือเป็นส.ส.หนุ่มอีกคนหนึ่งอายุ 30 ปี พอสตาร์ทในเส้นทางการเมืองเร็วอาวุโสก็ได้เร็วจนได้เป็นรัฐมนตรีเพิ่มบารมีขึ้นมาเรื่อยๆ เพิ่งจะมาพัฒนาแถวๆ บ้านตัวเองในยุคหลังคือเป็นรมว.คมนาคมแล้ว

ตำนานกำนันปริญญาโทของนายสุเทพ จนทำให้ใครต่อใครเรียก กำนันติดปากในตอนนี้ต้องยกความดีให้กำนันจรัส คนนี้คือผู้ยิ่งใหญ่ตัวจริง สร้างตัวจากไม่มีอะไร มาแต่งงานกับสาวเขตต.ท่าสะท้อน แล้วมาปักหลักสร้างบ้านที่บ่อกรัง สะสมบารมีจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านจนเป็นกำนัน ไม่ได้ร่ำรวยนะแต่กัดฟันเลี้ยงดูลูกหลานส่งไปเรียนเมืองนอกได้ ในยุคนั้นคือ 2510-15 นี่ลูกใครบ้านไหนได้ปริญญานี่เรื่องใหญ่มาก ครูยังจบปกศ. ปกศ.สูง แถมยังจบโทเมืองนอกมาอีก เป็นอะไรที่ไม่ต้องโฆษณาเพราะปากต่อปากว่ากัน

บ้านบ่อกรังในสมัยที่กำนันจรัสมาตั้งเรือน เป็นชุมชนเล็กๆกลางป่าเลยก็ว่าได้ ทางคมนาคมหลักสะดวกสุดคือทางรถไฟห่างจากสถานีสุราษฏร์(พุนพิน)ไปอีกแค่ 2 สถานีก็ถึง แต่ถ้าจะมารถต้องออกจากพุนพินมาทางกิโลศูนย์เข้าเส้นทางที่จะไปเคียนซา ทะลุตะกั่วป่าแยกจากถนนดำเลียบทางรถไฟด้วยทางลูกรังอีก 5-6 กิโลกว่าจะถึงตัวบ้านบ่อกรัง ปัจจุบันแถวนั้นลาดยางเชื่อมทะลุถนนสายเอเชียที่เป็นสายหลักภาคใต้ แถมมีทางทะลุเส้นแลนด์บริดจ์สุราษฏร์-กระบี่อีกต่างหาก หากจะยกย่องนายสุเทพว่ายิ่งใหญ่ กำนันจรัส หรือกำนันหรัดนี่ยิ่งใหญ่กว่าเพราะบารมีแกเหลือหลายกลับมาเป็นกำนันตอนแก่ไม่ใช้พระเดช ใช้แต่พระคุณ คอนเน็คชั่นแบบบ้านๆ ล้วนๆ


ชีวิตของนายสุเทพแทบไม่ข้องแวะกับแนว “ปฏิวัติสังคม” “ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม” อะไรนักเพราะตอนไปเรียนรัฐศาสตร์ม.ช. เป็นสิงห์ขาวรุ่น 4 ปี 2512 ตอนนั้นการเมืองในขบวนการนักศึกษาเริ่มร้อนแล้ว มีเด็กปักษ์ใต้ไปอยู่ม.ช.รุ่นพี่รุ่นน้องกับนายสุเทพหลายคน เช่นนิสิต จิระโสภณ คนนี้เป็นพี่ใหญ่นักกิจกรรมกลุ่มวลัญทัศน์ ถูกถีบลงรถไฟตอนมาเยี่ยมบ้านปักษ์ใต้เข้าใจว่าแถวหลังสวนอะไรนี่ รุ่นที่ยังพอทันคือ อ.สถาพร ศรีสัจจัง พนม นันทพฤกษ์ – สุเทพจบเมื่อปี 2515 ตอนนั้นม.ช.รุ่นหลังที่ทำกิจกรรมปฏิวัติสังคมกันใหญ่ก็มี จาตุรนต์ ฉายแสง ชาญชัย สงวนวงศ์ –ป๋าชาญนี่ทำหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น เป็นสายแดงที่น่านับถืออยู่คนนึง หรือที่ตายไปเช่นพี่อี๊ด ไกรวุฒิ ศิรินุพงษ์ น้องชายอดีตส.ส.สงขลา ตอนงานศพพี่อี๊ดพันธมิตรนัดชุมนุมลานพระรูปครั้งแรกพอดี พวกเข้าป่านักกิจกรรมทั้งเอาและไม่เอาทักษิณไปจ๊ะเอ๋กันในงานนี้ร่วมกันฟังสวดก่อนจะมาฟาดฟันกันบนถนนต่อ

นายสุเทพไม่เกี่ยวกับกลุ่มกิจกรรม เหมือนจะเรียนจบๆไปแล้วก็ไปนอก สายสัมพันธ์ลูกช้างรุ่นพี่ที่ยังแนบแน่นเห็นจะเป็นวัชระ ตันตรานนท์ ตอนนี้เป็นส.ว.เชียงใหม่ เรียนบัญชีรุ่นพี่ไม่รู้สนิทกันท่าไหนคบหายาวมาจนปัจจุบัน เหมือนกับว่านายสุเทพไม่ค่อยจะมีสายสัมพันธ์กับลูกช้างรุ่นเดียวกันมากเท่าไหร่ ก็เหมือนนายกปู-ยิ่งลักษณ์ที่ไม่ค่อยเชื่อมต่อกับสิงห์ขาวรหัส 28 เช่นกัน --แวดวงเพื่อนฝูง เขามุ่งมั่นปฏิวัติเปลี่ยนแปลงสังคมกันตอนหนุ่มนายสุเทพไม่สน เพิ่งจะมาเปลี่ยนเอาตอนแก่ ตอนนี้

ต้องยอมรับว่าการงานอาชีพในเส้นทางการเมืองของนายสุเทพมันต้องเป็นไปตามมาตรฐานการเมืองไทยนั่นแหละ ภาพของนายสุเทพคือนักการเมืองเก๋าเกมมีสายสัมพันธ์กว้างขวาง ถ้าเป็นมวยก็เป็นนักมวยที่ชกได้หลายแบบลีลาก็ได้ ดุดันก็เก่งกระทั่งกัดหูกระทุ้งกระจับเพื่อนก็น่าเชื่อว่าชกกันแล้วอาจมีอยู่บ้าง อาชีพการงานเกี่ยวพันกับเกษตรและทรัพยากรคนสุราษฏร์ที่นินทาความร่ำรวยของนายสุเทพเรื่องนี้ก็เยอะ

แต่องคุลีมาลย์ก็ยังกลับใจ ภาษิตหลวงจีนบอกว่าทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต วางมือกลับใจก็ถึงฟากฝั่งได้ คนเราหากคิดจะเดินเส้นทางใหม่ย่อมได้รับโอกาสเสมอ

นายสุเทพคงเห็นอะไรบางอย่างจากคลื่นมหาประชาชนเรือนล้านที่ออกจากบ้าน นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของชายที่ผ่านอะไรมากมายวัย 64 อย่างเขา คิดจะเป็นนักการเมืองแสวงหาอำนาจผลประโยชน์มันไม่ยากและก็ผ่านมาแล้ว แต่เส้นทางวีรบุรุษที่ได้รับการจารึกเป็นตำนานไม่ใช่ว่าใครสักกี่คนที่จะทำได้

หวังว่ากำนันสุเทพ-นักปฏิรูปมือใหม่จะมุ่งมั่นเดินในเส้นทางเปลี่ยนแปลงสายใหม่สายนี้ต่อไปอย่างจริงจัง อย่าลืมว่าสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากแล้ว ประชาชนเป็นน้ำพยุงให้นาวาลำใหม่ชื่อสุเทพลอยได้ ก็สามารถจมนาวาสุเทพได้เช่นกัน

ขอบคุณ ภาพผู้จัดการ
27/11/56

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น